คำถาม
ถามคำถาม

ยอมรับน่ะ เมื่อ 6 ปี ที่แล้ว ผมอิจฉาเพื่อนผู้หญิงที่เรียนห้องเดียวกันคนนึง

ยอมรับน่ะ เมื่อ 6 ปี ที่แล้ว ผมอิจฉาเพื่อนผู้หญิงที่เรียนห้องเดียวกันคนนึง

ที่เธอมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์สนับสนุนมีเส้นสายเข้างานโดยง่ายๆ จนเกิดความแค้นในใจ พูดกับเธอว่า "เห็นxxxx" (คำพูดนี้เดาเอาเองง่ายๆ)

(เพราะตอนนั้นความคิดของผมยังไม่เป็นผู้ใหญ่ซักเท่าไหร่ เพราะถ้าผมต้องการให้น้าของเพื่อนคนนั้นฝากผมเข้าไปทำงาน คนฝากที่เป็นคนกลางก็ต้องลำบากสิ)

เพราะตอนนั้นรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ที่เกิดมาไม่มีคนอุปถัมภ์สนับสนุนมีเส้นสายเข้าทำงาน

จนผมต้องโทรไปปรึกษากับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึงในห้อง เธอพูดกับผมว่า

"นิดอย่าพูดแบบนั้นกับเธอสิ เธอน้อยใจนะรู้มั้ย นิดต้องเข้าใจ คนเราต้องรู้จักดิ้นรนด้วยตัวเองนะรู้มั้ย"

คำพูดนี้ทำให้ผมรู้สึกคิดได้ทันที ขอบคุณ คำพูดของเพื่อนอีกคนนึงที่ทำให้ผมคิดได้มาจนถึงทุกวันนี้

ผมคิดได้ตั้งนานแล้ว ความอิจฉาหรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย มันเป็นอารมณ์ที่ทางลบมากๆ ไม่ช่วยให้ตัวเรามีความสุขได้เลย

2 คำตอบ · +1 โหวต · 0 รายการโปรด · 61 อ่านแล้ว

คุณคิดได้แบบนี้ ถือว่าดีแล้วล่ะครับ มองโลกในแง่บวก และยอมรับความจริง โดยสร้างกำลังใจให้ตนเอง

และที่คุณกล่าวมาจากข้างต้น

ผมคิดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการเป็นผู้ใหญ่ สำหรับความคิดแบบนี้

แต่มันเป็นความรู้สึกลึกๆ ที่ฝังอยู่ในจิตใจคนเรา ที่แสดงออกมาถึงการเรียกร้องความยุติธรรมในสังคม

และเพียงอยากให้สังคมได้รับรู้เท่านั้น ว่าทำไม.???

ซึ่งเป็นใครก็รู้สึกแบบคุณได้ทั้งนั้น...

และสิ่งที่คุณกล่าวมา มันคือความจริงในสังคมไทย สมัยนี้...

แต่ที่แน่ๆ คือ สมัยนี้ มันเป็นแบบนี้ล่ะครับ เส้นสาย อุปถัมภ์อะไรต่างๆนาๆ ในสังคมประชาธิปไตยสมัยนี้

ซึ่งส่งผลตามมา คือ ชอบริดรอนสิทธิของผู้อื่น ทำให้บุคคลอื่นขาดโอกาส ในการที่จะได้รับการเข้าทำงาน

ไม่ว่าจะเป็นงานราชการ รัฐวิสาหกิจ แม้กระทั่งเอกชน ก็มีเส้นสายกันทั้งนั้น พิสูจน์กันได้เลย

ลูกตาสีตาสาธรรมดา อ่านหนังสือสอบแทบตาย สอบได้ อะไรได้ แต่กลับไม่ได้ทำงาน ไม่ได้บรรจุ

แต่ลูกไฮโซ มีฐานะ มีชาติตระกูล ได้งานกันถ้วนหน้าแบบง่ายๆ

ก็เพราะเส้นสายนั่นล่ะ และคำว่า เส้นสาย ก็มีหลายแบบหลายที่มาจริงๆ

ชีวิตผมเคยผ่านสนามสอบเข้าทำงานหลายสนาม หลายหน่วยงาน ผ่านอะไรต่อมิอะไรมา ทำไมจะไม่รู้.???

นี่ล่ะ สังคมไทย สังคมแห่งเมืองพุทธ....พุทธ..โธ่.!!..

+2 โหวต · 4 ตอบกลับ

*ผมลองคิดกลับกัน ถ้าคิดในกรณีที่ผมมีผู้ใหญ่มาฝากงานให้ แต่เพื่อนคนนึงอยากจะให้ผมฝากเข้าทำงานด้วย ทั้งผมและคนฝากงานจะรู้สึกอย่างไร*

+1 โหวต

*ผมลองคิดกลับกัน ถ้าคิดในกรณีที่ผมมีผู้ใหญ่มาฝากงานให้ แต่เพื่อนคนนึงอยากจะให้ผมฝากเข้าทำงานด้วย ทั้งผมและคนฝากงานจะรู้สึกอย่างไร*

คือ ก็แล้วแต่คุณเลยครับ เอาที่คุณจะมองในแง่ไหน ก็สิทธิของคุณครับ

และผมก็บอกคุณไปแล้วว่า....'' คุณคิดได้แบบนี้ ถือว่าดีแล้วล่ะครับ มองโลกในแง่บวก และยอมรับความจริง โดยสร้างกำลังใจให้ตนเอง ''

แต่ยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะมองกลับกัน ก็ต่างให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน

คือ ยังไงก็ต้องเสียความรู้สึก สำหรับที่ถูกริดรอนสิทธิ จากการถูกเส้นสายของอีกฝ่าย

และ.......ถึงแม้จะมองคิดกลับกันในแบบฉบับของคุณก็ตาม

ยังไงก็ต้องรู้สึกว่าคนที่จะต้องฝากงาน ลำบากใจแน่ และคนที่ถูกฝากงาน อาจจะเสียความรู้สึกตามมาได้ในภายหลัง

มันคือความจริงแน่แท้ แน่นอน

แต่....ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันยากที่จะแก้ไข และมันจะเป็นเรื่องที่อยู่คู่คนไทยตลอดไป....สำหรับเรื่องเส้นสาย

ถ้าหากจะมองโลกแบบไม่ใช่โลกสวยนะ...

และมันก็อดคิดไม่ได้ เพราะมีหลายๆคน เสียความรู้สึก จากการถูกริดรอนสิทธิในเรื่องเส้นสายมานักต่อนักแล้วล่ะครับ

+1 โหวต

คิดเหมือนกันเลยครับ

+1 โหวต

ครับผม มันคือความจริงในสังคมจริงๆ...

+1 โหวต

" เพราะเส้นสายเป็นบันไดให้ได้งาน

สร้างหลักฐานประจานตนบนเส้นเดิน

นี่พวกกูรู้เอาไว้ใหญ่คับเกิน

โครตเจริญเพลินเหลือดีมีที่ไทย

สังคมเอื้อต้องเผื่อแผ่แด่พวกพ้อง

ทั้งพี่น้องญาติโกโถ..!!!! มากหลาย

แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ตามสบาย

อยู่เมืองไทยใจต้องเผื่อ...เพื่อพวกพ้อง "

( ทำกันเป็นประเพณี...ที่สืบต่อ ก็ทำกันไป )

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ