ความคิดและทัศนคติของคุณกับคำว่า.... '' การแต่งงาน '' คืออะไรครับ..?????

สำหรับความคิดและทัศนคติของผมนะ.............

การแต่งงานสำหรับผมนั้น สำคัญมากกว่าแค่เป็นวันเสีย virgin ของชาวโลกครับ

ถ้าคิดจะแต่งงานนี่แสดงว่าต้องพร้อมจะมีลูกและเลี้ยงลูกในระดับหนึ่ง ที่อาจจะไม่ต้องสุดแต่ก็ต้องมากพออะครับ

ส่วนตัวมีทัศนคติในเชิงที่ว่าการแต่งงาน คืองานที่ประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเราสองคนเลือกแล้วว่าจะสร้างครอบครัวด้วยกันน่ะครับ

จะไม่ใช่งานที่ไว้ใช้ประกาศแบบอ้อมๆ ว่าจะได้เอาแฟนแล้วนะหรือจะได้เสียตัวแล้วนะ หรืออะไรแบบนี้.........

ปล. แล้วชาว myquestionth มีความคิดและทัศนคติเกี่ยวกับการแต่งงาน อย่างไรบ้าง..?????

ขอบคุณสำหรับคำตอบและความรู้ที่มีให้แก่กันครับ.....^__^...........

13 คำตอบ · +9 โหวต · 0 รายการโปรด · 618 อ่านแล้ว

เอ่อ ผู้หญิงทุกคนนี่ใครก้ออยากจะเเต่งงาน มีงานเเต่สวยๆ อยู่ในชุดเจ้าสาวอย่างนี้อะ

สำหรับเค้านะ.เค้าว่านอกจากที่จะประกาศว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ยังเป็นการให้เกียรติผู้หญิงด้วยเเหละว่าคนนี้นะจะเป็นคนสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกันจนวันตายอะ เเล้วก้อพร้อมที่จะมีลูกเด็กตัวๆน่ารักๆอะ

+4 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ

นี่ล่ะ คืออีกเหตุผล ที่ผมใช้ หากมีโอกาสได้แต่งงานกับใครสักคน ที่เขารักผมจริง........

+0 โหวต

ขอให้เจอเนื้อคู่ไวๆน้าจ้ะ อย่าลืมเเจกการ์ดให้เก๊าด้วยนะ

+0 โหวต

5555 คงอีกนานเลยล่ะครับ

เพราะทุกวันนี้ ก็อยู่คนเดียวมาตลอด ผมคงไม่กล้าไปมีใครง่ายๆหรอก 555

มันคือคำถามจินตนาการในชีวิต เท่านั้นครับ สำหรับตอนนี้

+0 โหวต

การแต่งงาน คือการประกาศว่าเราจะใช้ชีวิตร่วมกัน ยอมรับให้อภัยกัน หรือเรียกง่ายๆว่า

ยอมรับความห่วยของอีกฝ่ายและอภัยให้กันจนกว่าจะหมดการอภัยถ้ามันไม่ไหวจริงๆๆ

แต่จริงๆ การใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องเข้ากันกัน ไม่ใช่ ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดปรับและเข้าใจ

อยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งมันอาจทำให้ชีวิตคู่จบลงอย่างรวดเร็ว ความอดทนก็สำคัญ ความเชื่อใจ ซื่อสัตย์

อื่นๆอีกมากมาย

การแต่งงานไม่ใช่นิทาน เหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายที่จบที่นิรันดร์ มันคือการเริ่มต้นต่างหาก

ขอให้โชคดีกับคนที่คุณเลือกและเขาได้เลือกคุณดูแลเขาให้ดีดี อย่าทิ้งให้เขาตัดสินใจคนเดียว

+4 โหวต · 15 ตอบกลับ

เราอยู่ขอบๆๆ กรุงเทพ แต่รถเริ่มติดมากแล้วเหมือนกัน ริมๆๆ กรุงเทพ ติดกับปทุมธานี

ปริมนทน 555

+0 โหวต

ครับ ทำใจนะครับคุณ มันคือธรรมดาของกทม

+0 โหวต

ทัมใจ นานแระ 555

+0 โหวต

บางอารมณ์แล้ว..

ถ้าเรารู้สึกรัก..หรือรู้สึกดีกับใครก็อยากบอกให้เพื่อนฝูงหรือญาติสนิทได้รับรู้ว่าเราได้มีโอกาสนั้นแล้วนะ...

ก็คงอารมณ์เดียวกันกับการรับปริญญา..มันก็คือการบ่งบอกว่าเราได้ประสบความสำเร็จในชีวิตครั้งนึง..

จะมีสักกี่คนที่เรียนจบแล้วไม่อยากรับปริญญา...(จริงๆแล้วเรียนจบไม่รับก็ได้นะ..เค้าส่งไปรษณีย์มาให้ได้)..

แต่การแต่งงานเป็นการแสดงวุฒิภาวะทางร่างกายและความคิดว่า.."เราพร้อม"ละ...

ต่อไปเราสามารถให้หรือใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนได้..ไม่ว่าจะด้วยดีหรือไม่...แต่เราก็จะลองดู...

ความคิดส่วนตัว..ถ้าเป็นผมจัดคงเป็นงานเล็กๆที่มีแต่เืพื่อนสนิทและญาติสนิทจริงๆไม่กี่คน..

ไม่เชิญคนทั้งหมู่บ้านมาหรอก..ก็แค่อาจจะแจ้งให้ทราบเฉยๆ..เพราะไม่อยากรบกวนเรื่อง"ซอง"..ไม่อยากวุ่นวายด้วย..

+3 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณครับคุณพี่

นี่ล่ะ คืออีกรูปแบบของการแต่งงาน ที่ผมอยากจะทำแบบนี้เช่นกัน

จะเห็นได้จากคำถามหนึ่งของคุณนาเดีย ในคำถามที่ว่า

'' ถ้ามีโอกาส จัดการแต่งงาน คุณชอบบรรยากาศการแต่งงานแบบไหนค่ะ ''

ซึ่งผมก็ตอบในลักษณะคล้ายๆกับพี่นั่นล่ะครับ

+1 โหวต

สามารถมีความรู้สึกต่อกันคล้ายเพื่อนสนิทได้ ก็จะมีพื้นฐานที่ดีของการแต่งงานในอนาคต เพราะการชอบเขาจะช่วยทำให้เรามองเขาด้วยสายตาแห่งการให้อภัยมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตคู่มีปัญหา

+3 โหวต · 4 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ คุณนาข้าว เอ้ย.!! คุณนาเดีย ( ล้อเล่นนะครับ 555 )

แบบนี้ล่ะ คือเหตุผลที่สามารถเรียกว่า รักแท้ ได้

เวลาเจ็บป่วย เวลามีปัญหาเข้ามาในชีวิต หรืออื่นๆ คำว่ารักแท้จะเห็นได้ หรือจะเกิดขึ้นได้หรือไม่

ก็ตรงจุดนี้นี่ล่ะครับ......^^..

+1 โหวต

ก่อนจะมีการแต่งงาน ต้องผ่านอะไร ที่มั่นใจมากๆ ให้ได้ก่อน

ต้องผ่านคำว่า คนนี้ คือ คนที่ใช่

คนนี้ คือ คนที่จะยืนเคียงข้างกัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ไม่ทอดทิ้งกัน

จากนั้นจึงเป็น การแต่งงาน กับ คนที่เลือก

เพื่อเป็นเสมือนการยืนยันคำตอบ การตัดสินใจ ของกันและกัน

ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ จากกันและกัน

ส่วนเวลาผ่านไปจะมีอะไรเข้ามาบั่นทอนบ้าง ก็ต้องช่วยกันประคับประคอง

ให้ผ่านพ้นอุปสรรคนั้นไปให้ได้ ต้องร่วมแรง ร่วมใจ ต้องอดทน ต้องให้อภัย ให้โอกาสซึ่งกันและกัน

ให้ถึงที่สุด .... เมื่อถึงที่สุดแล้ว ไม่อาจนำพาชีวิตคู่ต่อไปได้ ก็ต้องยอมรับ

ซึ่งเรื่องนี้ เราไม่ได้ตัดสินคนที่ไม่สามารถนำชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง ว่าไม่อดทน ไม่รักกันจริง

หรืออะไรหรอกนะ เพราะเชื่อมั่นว่า คนทุกคน ไม่ต้องการชีวิตคู่ที่ล้มเหลวหรอก

จึงได้แต่เคารพการตัดสินใจของทุกคู่ เพราะ นั่นต้องมีอะไรๆ ที่เรียกว่า ประคองจนถึงที่สุดแล้ว

เหมือนคู่รักที่ต้องแยกจากกัน ก่อนถึงวันแต่งงาน

ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่อดทน ทั้งคู่ไม่ดีพอ แต่ ไม่พอดี ต่อกันต่างหาก

เมื่อผิดฝา ผิดตัว ต่อให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีค่า มีราคา มีความดีในตัวเองมากที่สุด

ก็ใช่ว่าของที่ดีที่สุดจะเหมาะเจาะกันที่สุดเช่นกัน ...

แต่สุดท้าย .....

ความหวังดี ความเป็นกัลยาณมิตรต่อกันก็ยังอยู่ และสามารถคงอยู่ตลอดไป

แม้เปลี่ยนสถานะระหว่างกันไปแล้วก็ตาม

+3 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณมากๆเลยครับ ตัวยุ่ง

ตอบได้ดีมากเลยล่ะ

แต่ถ้าเขาดีกับคุณจริงๆ รักคุณจริงๆ ไม่เจ้าชู้ ไม่นอกใจ

ผมหวังว่าสถานะของความรักคงไม่วันเปลี่ยนแปลงง่ายๆหรอกครับ

คำสัญญาที่มีต่อกันจะมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือได้ ก็ต่อเมื่อผู้ที่ถือคำสัญญานั้น รักษาสัญญาเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

+0 โหวต

เป็นความจริงที่สุด คนที่ถือสัญญาได้ ไม่เปลี่ยนแปลง คือ คนที่มีความหนักแน่น

ให้เกียรติผุ้ที่เขาเลือก และซึ่อสัตย์ต่อการตัดสินใจของตัวเอง ชีวิตคู่ก็จะเดินหน้าอย่างมั่นคงตลอดไป

เพราะทุกเรื่องราว มีบททดสอบความมั่นคงอยู่ตลอดเส้นทางเสมอ

ขึ้นอยู่กับจิตใจของทุกคน ว่าจะเข้มแข็งที่จะฝ่าฟันไปข้างหน้า และยึดมั่นเป้าหมายได้แค่ไหน

+0 โหวต

การแต่งงาน คือ การประกาศให้ครอบครัว คนรู้จักรู้ว่าเราไม่ใช่ใครอื่น แต่เราคือคนๆเดียวกันแล้ว

เราไม่คิดแต่งงานนะ ชอบสวนกระแส

+2 โหวต · 0 ตอบกลับ

เห็นด้วยนะ

มันเป็นการประกาศต่อสาธารณชน

ว่าทั้งสองจะใช้ชีวิตร่วมกัน

โดยมีแขกที่มาร่วมงาน

ร่วมกันเป็นสักขีพยาน

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ใช่เลย อิอิ

+1 โหวต

การแต่งงาน คือการประกาศให้ญาต พี่น้อง เพื่อนสนิท พ่อแม่ให้รับรู้ว่าพร้อมจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ที่ดีในอนาคต ทั้งนี้ คนสองคนต้องมั่นใจกันและกันในปัญหา อุปสรรคในอนาคต ว่าจะยืนเคียงข้างกัน ให้กำลังใจ ผ่านพ้นมันไปด้วยกัน ซึ่งปัจจุบัน หาความแน่นอนไม่ได้จริง ๆ ( ยังไม่เคยแต่ง) เห็นประสบการณ์จาก พี่ ๆ รอบตัว ฟังมาบ้าง บางทีทำให้กลัวชีวิตการแต่งงาน ใหลายปัจจัย ที่ทำให้กลัว หากช่วงนี้ท่านไหนแต่งงาน ขอให้มีความสุข ครองรักกันตลอดไปนะคะ

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

การแต่งงาน คือภาระ ของทั้งคู่

คุณต้องอยู่ คู่กันไป ให้ตลอด

ใส่ใจเขา ใส่ใจเรา เอาให้รอด

เราต้องกอด คอกันไว้ ไม่ให้จม

ยิ่งมีลูก ผูกภาระ มาคูณสอง

ต้องกรั่นกรอง ห้ามมองผ่าน เดี๋ยวงานเข้า

ทั้งค่านู้น ค่าหนี้ มีตัวเบา

หมดกระเป๋า เอาง่ายง่าย หากไม่เตรียม

( ยังมีอีกเยอะครับ ถ้าคุณพร้อมที่จะมีคู่ แล้วคุณพร้อมที่จะยอมรับกับปัญหาที่จะตามมาหรือไม่จ้ะ !!!! )

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

อยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจค่ะ 55

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ

ซึ้ง + กด LIKE........555++

+1 โหวต

555 ใจจ้า

+1 โหวต

ค้าบ ยินดีคับ 555

+0 โหวต

การที่คนสองคนพร้อมใจกันร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ไปจนตายจากกัน

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ T__T

ร้องไห้หนักมาก ( ซึ้งคับ ) 555++

+0 โหวต

การแต่งงานถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการแสดงความรับผิดชอบต่อกฏเกณฑ์ ประเพณี กรอบระเบียบอันดีงานของวัฒนธรรม การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่อย่างเต็มรูปแบบ คือการที่พ่อแม่ส่งตัวลูกๆให้อย่างเต็มใจเพื่อเริ่มต้นที่ชีวิตครอบครัวใหม่ เป๋นการเเสดงความกตัญญู แสดงความเคารพ ต่อพ่อแม่บรรพบุรุษ เป็นกําลังใจที่ดีต่อทั้งคู่ให้รําลึกว่า กว่าจะฝ่าด่านมาเป็นครอบครัวเดียวกันนี้มันยากแค่ไหน? และสองคนจะต้องอดทนต่อไปด้วยความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย ถ้าได้แต่งงานแล้วต้องจงรักภักดีต่อกันจนถึงที่สุด จะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขประคับประครองกันไป สําหรับเราสําคัญมาก

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ

ดีมากเลย คำตอบของคุณเนี่ย มันคือความจริงครับ

+1 โหวต

เป็นวันแห่งความสุขของทั้งตัวเองและพ่อแม่และเป็นวันแห่งความสมหวังหลังจากรอคอยและอดทนฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมากับผู้ชายที่เราจะอยู่ด้วยจนตายจากกัน กับผู้ชายที่จะเป็นสามี เป็นพ่อของลูกค่ะ

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ไม่ว่าคุณและผม หากเจอแบบที่กล่าวมาได้จริงๆ ก็คงจะดี

แต่สมัยนี้นี่สิ มันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะความอดทนต่อกัน มันไม่ค่อยจะมีจริงๆ

+1 โหวต

ไม่ว่าคนสมัยนี้จะมีค่านิยมทีาเปลี่ยนไปเพียงใดก็ตาม ตัวเราต่างหากละคะที่สำคัญ ใครจะใจเร็วด่วนได้แล้วมานั่งเสียดายความสาวของตัวก็คงโทษใครไม่ได้ สำหรับตัวเองแล้ว ถ้าไม่ได้แต่งงานแล้วละก็ขอตายไปกับร่างกายที่สะอาดสะอ้านที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิดดีกว่าค่ะ

+1 โหวต

ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนคุณครับ ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ชาย ที่ถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบวันยังค่ำก็ตาม

แต่ขอเป็นคนดี ที่พร้อมทั้งกายและใจดีกว่า

หากชาตินี้ จะเจอคนที่ดีดีที่พร้อมทั้งกายและใจไม่ได้ ผมก็ไม่เสียใจหรอกครับ

ฉะนั้น ผมไม่กลัวหรอกครับกับคำว่า คาน หากจะอยู่ก็ขออยู่แบบมีศักดิ์ศรี และที่แน่ๆ ผมก็มีจุดยืนสำหรับผมอยู่แล้ว

+1 โหวต

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ