พระเจ้า มีจริงหรือไม่? (คำถามสำคัญ)

ช่วยกันตอบคำถามด้วยครับ เผื่อค้นพบคำตอบที่ช่วยให้

"สงครามศาสนายุติลงได้"

5 คำตอบ · +2 โหวต · 1 รายการโปรด · 12 อ่านแล้ว

การไม่พูดถึง หาใช่ไม่มี

ธรรมะคือ ธรรมชาติ

พระเจ้ามีแน่ เราเชื่อว่ามี และสัมผัสได้

เป็นความรู้เฉพาะตน

พระเจ้าสอนให้ทุกคนรักกัน

แต่คน เอาศาสนาบังหน้า ฆ่าล้างกัน

ก็ช่างหัวมัน หัวเผือก

+3 โหวต · 5 ตอบกลับ

แหะๆขอบคุณจ้า

+0 โหวต

เราคิดว่า การมีตัวตนอยู่ ล้วนมีต้นกำเนิดจากจุดเริ่มต้น

และจุดเริ่มต้นนั้น เราอาจเรียกได้ว่าเป็น พระเจ้า

ธรรมะ มาจาก ธรรมชาติ ใช้แก้ไขความทุกข์ทางจิตใจ

พระเจ้ามีอยู่จริง เพราะเรามีตัวตน

แถมต้องการให้เรามีชีวิตที่ดี

ความรู้เฉพาะตน มีหลายแบบ แต่ที่ถูกต้องที่สุด

มีแบบเดียว

แน่นอน พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รักกัน

เพราะเรากลัวความทุกข์

ศาสนามีหลากหลาย แต่พระเจ้าที่แท้จริง มีองค์เดียว

สงครามศาสนาจะจบลง เมื่อความจริงปรากฏ และผู้คนยอมรับมัน

+0 โหวต

แน่นอน พระเจ้า มีที่มาที่เดียวกัน

+0 โหวต

ใช่จ้า

+0 โหวต

พระเจ้ามีจริงหรือไม่ผมว่าไม่สำคัญ

อยู่ที่ว่ามนุษย์จะทำอย่างไรที่จะไม่

ทำร้ายกันโดยเอาศาสนาที่ตนนับถือ

มาเป็นเรื่องสำคัญครับ

+3 โหวต · 5 ตอบกลับ

ผมว่าแก้ยากมากเลยครับ

+0 โหวต

ถ้ามีวิธีดีๆ ช่วยบอกผมด้วยนะครับ

จะได้ใช้เป็นแนวทาง มาปรึกษากัน

+0 โหวต

คิดได้เมื่อไร จะแจ้งให้ทราบในโอกาสแรกครับ

+1 โหวต

ขอบคุณครับ :)

+0 โหวต

มีผู้คนมากมายพยายามแสดงความคิดเห็นเรื่องพระเจ้า (อัตตา) ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ โดยอ้างว่าพระเจ้า (อัตตา) เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรับรู้หรือพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัส เหตุผลดังกล่าวที่พวกเขายกมานี้ยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะแย้งแนวคิดเรื่องพระเจ้า (อัตตา) ได้ และหากเราจะพิจารณาให้ดีเราจะเห็นว่าเหตุผลที่ใช้แย้งเรื่องพระเจ้า (อัตตา) อันเดียวกันนี้ก็สามารถนำมาใช้แย้งความคิดบางอย่างในพุทธศาสนาได้ด้วย เช่น ความคิดที่ว่ามีบางสิ่งที่อยู่พ้นประสาทสัมผัสของมนุษย์ เช่น จิตและนิพพาน โดยเฉพาะ “จิต” นั้นพุทธศาสนาถือว่าเป็น “อรูปธรรม” ซึ่งเราไม่อาจรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส สิ่งที่เรารับได้มีเพียงปรากฏการณ์อันสืบเนื่องมาจากการทำงานของจิตเท่านั้น เช่น ความคิด ความรู้สึก ฯลฯ

ความคิด ความรู้สึก ฯลฯ เป็นคนละอย่างกับจิต และ “จิต” นี้เราไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัส “จิต” เป็นอะไรบางอย่างที่เราเชื่อว่า “มีอยู่” และสิ่งนี้คือสิ่งรองรับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เราสามารถสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น ความคิด ความรู้สึก หากเราแย้งว่าพระเจ้า (อัตตา) ไม่มีเพราะพระเจ้า (อัตตา) เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยประสาทสัมผัส เราก็สามารถถูกแย้งได้เช่นกันว่าสิ่งที่เรียกว่า “จิต” ไม่มี เพราะไม่มีใครสามารถตรวจสอบ “จิต” ด้วยประสาทสัมผัส ซึ่งลัทธิสสารนิยมโบราณในอินเดียที่เรารู้จักกันนามลัทธิจารวากก็แย้งเรื่อง “จิต” ในพุทธศาสนาด้วยเหตุผลเดียวกับที่พุทธศาสนาแย้งเรื่องพระเจ้า (อัตตา) นี่เอง

ดู ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พระไตรปิฎกเล่มที่ 9 ข้อที่ 49

ขอย้ำว่า มนุษย์เราถูกสร้างมาพร้อมกับธรรมชาติ 2 อย่างในตัว คือ

1. เราสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกด้วยประสาทสัมผัสเท่านั้น

2. ความอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่อยู่เกินเลยประสาทสัมผัส มีปรากฏการณ์บางอย่างในโลกที่มนุษย์คิดว่าน่าจะมีอะไรสักอย่างหนึ่งที่เราไม่อาจรับรู้ได้ด้วยทสัมผัสอยู่เบื้องหลัง เช่น การที่เรามีความคิด ความรู้สึก ความอ่อนไหว อารมณ์ จินตนาการ ฯลฯ ไม่น่าจะเป็นผลอันเกิดจากการที่วัตถุมารวมกันเข้าเท่านั้น น่าจะมีอะไรสักอย่างที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์เหล่านี้

แหล่งข้อมูล: (พุทธศาสนามหายาน, สมภาร พรมทา , กรุงเทพฯ, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2534, 40-41)

+3 โหวต · 4 ตอบกลับ

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล ผมอาจสรุปได้ดังนี้

1. ประสาทสัมผัส คือ ปฏิกิริยาในการตอบสนองทางร่างกายของมนุษย์

ที่อาจมีการทำงานที่สัมพันธ์กับจิต

2. จิต อาจมีอยู่จริง เพราะเรามีความเป็นตัวเอง

คือรู้ว่านี่คือตัวเรา

3. พระเจ้า อาจมีอยู่จริง เพราะทุกสิ่งที่เราเห็น

จะไม่มีอยู่จริง ถ้าไม่มีจุดเริ่มต้นในการกำเนิด

ผมสรุปได้ดังนี้ครับ ถ้าคุณมีความคิดเห็นที่แตกต่าง

บอกผมได้ จะได้นำมาหาคำตอบ

+1 โหวต

ครับ สิ่งที่คุณกล่าวมา ก็คือ ความคิดและแนวทางในเส้นทางทำนองเดียวกัน กับที่ผมคิดนั่นล่ะ

เพราะถือได้ว่า มีลักษณะเป็นกลางมากกว่า แต่สามารถให้การพิสูจน์ได้ ถึงผลตอบแทนจะเป็นเช่นไร ก็อีกกรณีหนึ่ง

แต่ก็ได้ขึ้นชื่อว่า '' เป็นกลาง และพิสูจน์ได้ ''

ฉะนั้น ความคิดต่างในกรณีนี้ ถือว่าไม่มีแล้วครับ สำหรับผม

ตกลงตามนั้น...^^...

+1 โหวต

เพราะฉะนั้น น่าจะตอบได้ว่า ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้า มีพระเจ้าองค์เดียวกัน

เพราะศาสดาเผยแผ่ศาสนาคนละคน เลยมีพระเจ้าไม่เหมือนกัน

แต่สรรพสิ่งล้วนมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน ก็น่าจะมีพระเจ้าองค์เดียวกัน

แล้วสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากมนุษย์ ไม่น่าจะต้องการให้เราฆ่ากัน

เพราะในตัวเรามีความทุกข์ จากความรู้สึกเจ็บปวด

ก็แสดงว่าพระเจ้าต้องการให้เรามีชีวิตรอด และมีชีวิตที่ดี

ในธรรมชาติที่สมดุลกัน

+0 โหวต

ถูกต้องครับ ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

+0 โหวต

คนที่ไม่เชื่อก็ว่าไม่มี คนที่เชื่อก็ว่ามี จริงๆหากคนที่นับถือพระเจ้า

แล้วทำให้เขาเป็นคนดีในสังคม เราก็ว่าไม่เสียหายอะไร เพราะคนที่

ไม่เชื่อพระเจ้า แล้วทำตัวแย่ๆใส่คนอื่น เราก็ไม่เห็นว่ามันจะดีกว่า

ฉลาดกว่าหรือเก่งกว่าเลย

+2 โหวต · 0 ตอบกลับ

ไม่หรือไม่มี..มิใช่เรื่องสำคัญ..

คงเป็นเพียงข้ออ้าง..เพื่อยกระดับตัวเองให้สูงกว่าผู้อื่น..

เพื่อที่จะได้หาเหตุผลให้ผู้อื่นอยู่ใต้อาณัติตนก็เท่านั้น..

หาใช่เรื่องของศาสนาไม่..

ทุกวันนี้ก็เอาเรื่องการเมืองการปกครองมาเป็นข้ออ้างเพื่อทำให้ผู้อื่นด้อยกว่าตนอยู่ดี..

ถึงแม้จะไม่มีเรื่องศาสนาเข้ามาเกียวข้องแล้วก็ตาม..

และต่อไป..หากหมดข้ออ้างข้างต้นแล้ว..ก็จะหาเรื่องอื่นๆมาอ้างให้คนอื่นต่ำกว่าตนอยู่ดี..

ไม่ว่าจะเรื่องการศึกษา..สังคม..การพัฒนา..การคอรั่ปชั่น..ต่อไปนั่นเอง...

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

สิ่งนั้นขึ้นอยู่กับคนใช้ครับ แต่คำตอบที่แท้จริงมีเพียงหนึ่งเดียว

+0 โหวต

ถ้าอย่างงั้นต้องการคำตอบของการแก้ปัญหาสงครามศาสนา..

หรือว่าต้องการทราบแค่ว่ามีพระเจ้าหรือไม่..ใช่หรือป่าวครับ..

ถ้าต้องการคำตอบว่ามีพระเจ้าหรือไม่..

คงตอบได้ไม่ถูกใจนัก..เพราะผมคงตอบว่า..ไม่..

ถ้าถามต่อว่าผมรู้ได้ยังงัยว่าไม่มี..

ตอบ..ผมไม่ต้องการ..

ถามต่อว่าทำไม..คงเพราะผมไม่มีศรัทธากับเรื่องพวกนี้..

ผมไม่สวด..ไม่อ้อนวอน..ไม่ขอพร..ไม่ต้องการความช่วยเหลือ..

แต่ผมไม่ได้อวดเก่ง..เพียงแค่ผมจะพยายามอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง..

แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อและศรัทธาส่วนบุคคล..

มันไม่มีตัวเลือกให้เลือกหรอกว่าอะไรถูกหรือว่าผิด..

แต่ถ้าต้องการได้คำตอบที่ถูกใจหล่ะก็..คงยากซักหน่อยที่จะได้จากที่นี่..

เพราะทุกคนล้วนมีอัตตาและความเชื่อเป็นของตัวเอง..ทั้งนั้น..ไม่ว่าที่ไหน..

+0 โหวต

นั่นก็แล้วแต่คุณครับ ไม่ใช่สิ่งที่ควรบังคับกัน

+0 โหวต

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม