กลับไปยังคำถาม การสืบทอดทางพันธุกรรม....
ถามคำถาม

ในคำตอบ

ไม่อยากคิดเช่นนั้น แต่ก็เคยเห็นมาบ้าง พ่อเราบอกว่า ลูกที่ถูกพ่อแม่ทิ้งตามรพ. ติดกรรมพันธุ์ใจดำ เพราะขนาดลูกตัวเอง ตาดำๆ ยังทิ้งได้ลงคอ เด็กก็จะได้รับกรรมพันธุ์ด้านนี้ได้ เพื่อนบ้านเราก็รับเด็กมาจากรพ. สุดท้ายเขาก็ทิ้งพ่อแม่บุญธรรมไป ทั้งที่รักดั่งลูก ตามใจสารพัด ไม่เคยพูดให้เสียใจ ไม่เคยทุบตีสักนิด

+1 โหวต · 10 ตอบกลับ

ใช่แล้ว ลดกรรมในอดีตชาติ ไม่สร้างกรรมในปัจจุบัน และในอนาคต ไม่นานกรรมก็จะเบาบางลง

จนหมดไปในที่สุด ประกอบกับการทำบุญ (ทาน ศีล ภาวนา) และอีกหลายวิธี ไม่ว่าแบบไหนก็ดีทั้งนั้น

สั่งสมไปเรื่อยๆ คงจะมีสักชาติ ที่จะไปถึงพระนิพพาน ตามที่ตั้งใจไว้

+1 โหวต

ถูกต้อง

เราคิดว่าเมื่อเราไม่ต้องการเกิดอีก ก็ต้องลดกรรมต่อกันให้มากที่สุด ร่วมกับการทำบุญ สร้างบารมี

+0 โหวต

ดีแล้วที่คิดแบบนั้น ผูกไปก็ไม่เกิดผลดีกับใคร

มีแต่ผลเสีย เราคิดได้ ทำได้ ก็เป็นสุขใจ

คนเราคงอยู่เห็นกันไม่เกินร้อยปี อภัยให้กัน อโหสิกรรมให้กัน

ก่อนที่จะไม่มีโอกาส เพราะชีวิตไม่แน่นอน

เกิดตอนไหน ก็อโหสิตอนนั้น จะได้ไม่ผูกเวรต่อกัน

วันนี้อาจเจอหน้ากัน วันหน้าไม่แน่

+0 โหวต

ใช่จ้ะ คิดเช่นนั้นเลย ไม่เลิกล้มแน่นอน

เราไม่แช่งใครด้วยล่ะ เพราะการแช่งก็คือ การผูกเวร จองกรรมต่อกัน

+1 โหวต

ใช่แล้ว เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็จะส่งผลดีต่อตัวเราเอง กรรมเก่ายังชดใช้ไม่หมด ก็อย่าได้สร้างกรรมใหม่อีกเลย

รู้จักอโหสิกรรมให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม ถึงจะยาก ก็ต้องทำให้ได้ เมื่อเราทำบ่อยๆ

ก็จะเกิดความเคยชิน เมื่อใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ให้อโหสิกรรมไป ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่

จะได้ไม่มาหมดเวร หมดกรรม ไม่ต้องมาชดใช้กันอีก เริ่มที่ตัวเราก่อน คนที่ให้อโหสิกรรมแก่คนอื่นได้

ต้องเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เข้าใจถึงเรื่องเวร เรื่องกรรม เรื่องเกิดจากคนสองคน เมื่อมีคนหนึ่งยอมตัด

ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียจากคนคนนั้นเขาจะไม่เข้าใจ และผูกเวรต่อไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว

เพราะเราได้อโหสิกรรมไปแล้ว เกิดความสุขกาย สบายใจ ไปแล้ว

เมื่อกรรมเก่ายังมี ก็ต้องชดใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด ฉะนั้นแล้ว อะไรตัดได้ ก็ต้องตัด อย่าสร้างเวร สร้างกรรม ต่อกันอีก

ไม่งั้นคงได้มาเวียนว่าย ตายเกิด ไม่รู้จบสิ้น เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ที่ตนได้สร้างขึ้น สิ่งที่เราทำได้คือทำความดีให้มาก

กรรมเก่าที่มี ก็ชดใช้กันไป ก่อนจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ไม่แน่ใจว่าหลวงพ่อไหนเคยเทศน์ไว้ ประมาณว่า........

ตายแล้ว จะไปไหนนั้น อย่าได้สนใจ เพราะนั่น....ไม่ใช่เรื่องที่ควรคำนึงถึง

ทำปัจจุบันให้ดีเป็นพอ เมื่อทำดี ย่อมไปสู่ที่ที่ดี เมื่อทำไม่ดี ย่อมไปสู่ที่ที่ไม่ดี

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ควรเลือกทำแต่ความดีเถิด......

ใช่แล้ว ไม่ว่าเรื่องไหน ก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลดีเสมอ แก่ผู้ปฏิบัติตาม จนกว่าจะสำเร็จ

เมื่อทำตามความตั้งใจ อย่างไม่ลดละ ทำไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง สักภพ สักชาติ ก็จะสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้

+1 โหวต

ใช่ เราก็คิดอย่างนั้นแหละ

คิดว่าเหตุการในชาตินี้เกิดจากอดีตชาติทั้งนั้น

เกิดมาเพื่อชดใช้กัน และ หากเป็นการทำกรรมต่อกันในชาตินี้

เราก็จะใช้วิธีอโหสิกรรมให้เขา เพราะจะได้ไม่ต้องกลับมาเพื่อชดใช้กันในชาติหน้าและชาติต่อๆ ไปอีก

ถ้าเป็นอย่างนี้ สักชาติหนึ่งข้างหน้าก็ต้องมีการหมดเวร หมดกรรมต่อกัน

เมื่อวานฟังพระเทศน์ ท่านเทศน์ว่า ให้เราตั้งปณิธานไว้ แล้วทำตามปณิธานนั้นต่อเนื่องก็จะสมปรารถนา

+1 โหวต

ใช่ เราก็ว่าแบบนั้น เคยทำอะไรไว้ สิ่งนั้นย่อมตามมาสนอง

ตามมาจากอดีตชาติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไร้เหตุ-ผล

สิ่งที่เกิดกับเรา คือสิ่งที่เราเคยทำมาแล้วทั้งนั้น

บางทีก็อาจจะงง...ว่าทำไมสิ่งนั้น สิ่งนี้ ถึงเกิดขึ้นกับเรา

ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรให้ใคร (ในชาตินี้)

ตอนแรกอาจจะจุก พูดไม่ออก แต่พอทำความเข้าใจแล้ว

เราก็ควรให้อโหสิกรรมเขา กรรมนี้จะได้จบไป ดับไป

ไม่มาเกิดกับใครอีก (เรา-เขา)

+1 โหวต

เรามองไปถึงอดีตชาตินะ

คนเลี้ยงชาตินี้อาจเคยทำกรรมกับเขาไว้

พอเจอกันชาตินี้จึงต้องชดใช้

ถ้าเป็นเรา เราจะอโหสิกรรมให้เขานะ

+1 โหวต

คงเป็นกรรมของเด็กคนนั้น จึงทำให้ถูกทิ้ง และเขาก็มาทำกรรมต่อคนที่รับมาเลี้ยงอีก

ไม่รู้จักบุญคุณ น่าเห็นใจเหมือนกันนะ อุตส่าห์รับมาเลี้ยง ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

แต่ก็ถือว่าเป็นการสงเคราะห์คน สิ่งที่ทำไม่สูญเปล่าแน่นอน เพียงแต่คนที่รับมาเลี้ยงนั้น

ไม่รู้คุณของคนที่เลี้ยงดูมาดั่งลูก ทั้งที่ดูแลมาอย่างดี เรื่องนี้มีให้เห็นเรื่อยๆ

ขนาดลูกในไส้ยังทำกันได้ลง พ่อแม่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ แต่กลับทิ้งให้ท่านลำบาก

คนแบบนี้จะหาความเจริญได้จากที่ไหน

+1 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ