กลับไปยังคำถาม คุณชอบชีวิตคู่ หรือชีวิตอิสระ มากกว่ากัน ?
ถามคำถาม

ในคำตอบ

ชีวิตคู่ดีๆ เป็นชีวิตที่ปรารถนา

แต่ถ้าได้ไม่ดีก็ไม่เห็นต้องมีคู่

ชีวิตอิสระ ก็คล่องตัวดี

ต้องการกำลังใจก็หาจากเพื่อน จากมายฯ

ก็พอเติมให้เกือบเต็มได้แล้ว

+2 โหวต · 20 ตอบกลับ

จ้ะ สัจธรรม

+1 โหวต

นี่คือสัจธรรม

+1 โหวต

โอเค เข้าใจว่าต้องใช้เวลา หวังมาก ก็เจ็บมาก เสียใจมาก เป็นธรรมดา

+1 โหวต

ขอเวลาหน่อยนะ

+1 โหวต

นั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ อย่าแบกไว้อีกเลย ปล่อยวางได้ ใจก็เบา

+1 โหวต

ตัดใจ ช่วงนี้เป็นระยะทำใจ

+1 โหวต

ไม่ต้องเสียใจหรอก เราทำดีที่สุดแล้วนี่น่า อยู่ที่เขาต่างหาก ที่ไม่ยอมรับความหวังดีนั้นไว้

+1 โหวต

แต่เราก็อดเสียใจไม่ได้ ที่เราช่วยคนไม่สำเร็จ

+1 โหวต

ใช่แล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว อยู่ที่เขาแล้วล่ะ ว่าจะยอมปรับตัวหรือไม่

+1 โหวต

จ้ะ เราก็คิดเช่นนั้น

เราถือว่าเราได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว

ส่วนผลลัพธ์ก็อยู่ที่เขาว่าจะรับไปหรือไม่ เพียงใด

+1 โหวต

ดีแล้วที่ออกมาได้ แม้ต้องใช้เวลา แต่ก็คุ้ม จะได้เป็นประสบการณ์

ถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศลไปก็แล้วกัน

+1 โหวต

ตอนนี้เราคิดว่าถึงเวลาปล่อยมือแล้ว

เพราะทำไปเยอะ ถ้าสื่งที่เราทำเกิดจากกรรมเก่า

เราก็คงชดใช้ไปหมดแล้ว

เพราะไม่ทุกข์ จากเขาอีกแล้ว

แต่ถ้าสิ่งนั้นเริ่มเกิดในชาตินี้

เราก็ถือว่าได้สร้างบุญกุศลไปแล้ว

แต่กว่าจะหลุดมาได้ เราก็ใช้ความเพียร

และเวลาในการหาคำตอบอยู่นานทีเดียว

+0 โหวต

คนเราต้องรักษาสมดุลให้กับชีวิต ไม่มากไป ไม่น้อยไป พอดีๆแล้วทุกอย่างจะดี

นั่นแหละ ต่อไปต้องรักตัวเองให้มากๆ

การทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่นน่ะ...ดีแล้ว แต่ก็ไม่ควรทำจนตัวเราเองลำบาก เราต้องคิดเสมอว่า เราทำดีที่สุดแล้ว ทำสิ่งที่ควรทำทุกอย่างแล้ว แต่คนที่เราช่วยเหลือนั้นกลับไม่เห็นคุณค่าของเรา ยิ่งสร้างความลำบากใจให้เรา

เมื่อเขาไม่เห็นคุณค่าของเรา ก็คงถึงเวลาปล่อยมือ ปล่อยไปตามยถากรรม การทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าใจร้ายอะไรหรอก แต่เราทำดีที่สุดแล้ว เขากลับมองไม่เห็นส่วนนั้น ไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง แก้ไขตัวเอง ให้สมกับมีคนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เอาล่ะ ถึงเวลาปล่อยมือแล้ว ก่อนที่จะเข้าทำนอง "เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด" เมื่อตึงไป ก็ลำบากตัวเราเอง

คนที่คู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุดคือคนที่สำนึกในบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือ

เราให้สิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว เขาล่ะ ? ทำตัวให้สมกับที่มีคนคอยช่วยเหลือหรือยัง ?

สุดท้าย เราควรยิ้มให้กับสิ่งที่เราได้ทำไปอย่างดีที่สุด ให้อภัย ไม่ถือโทษโกรธเคือง ต่อการกระทำของเขาที่เราได้รับรู้มา จบกันตรงนี้ ไม่เก็บมาใส่ใจอีก (ถ้าทำได้แล้ว ก็สาธุด้วย 😇)

+1 โหวต

จ้ะ จะทำให้สมดุล ระหว่างรักตัวเอง เมตตาตัวเอง

ที่ผ่านมาเรารักตัวเองน้อยกว่าเมตตาคนอื่น

คิดแค่ยอมลำบาก อุทิศตัวเองเพื่อช่วยโอบอุ้มคนอื่น

ไม่ให้มีเวลาไปทำสิ่งไม่ดี สุดท้ายพอเราเผลอหรือไม่อยู่ เขาก็ทำสิ่งที่ไม่สมควรจนตัวเองเดือดร้อนทุกที เดี๋ยวนี้เราก็ไม่เข้าไปช่วยเหลือแล้ว เขาก็ทำเหมือนว่าสิ่งที่เราทำไม่มีค่าอะไร อาจเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำ เขาเป็นอยู่ คือ สิ่งไม่สมควรทำ ไม่สมควรเป็น เขาเลยไม่รู้สึกว่าเราช่วยเขาอย่างไร เราเลยวางมือแล้ว สุดแต่บุญกรรมของเขาก็แล้วกัน ที่ผ่านมาเรานับว่าเราโปรดไปมากแล้ว บัวไม่ยอมงอกพ้นน้ำก็ต้องปล่อยมือเสียที

+1 โหวต

เราต้องคอยระวังสิ อย่าให้ตัวเราเองเป็นแบบนั้น

รักตัวเองไปพร้อมๆกับเมตตาคนอื่น สงสาร(กรุณา)คนอื่น ความเห็นแก่ตัวจะเกิดได้จากที่ไหน ?

+1 โหวต

เราว่าอดไม่ได้หรอก

เราเห็นคนรักอะไรมากๆ มักเกิดความหลง

แล้วความหลงจะนำพาไปสู่การเห็นอก่ตัวในที่สุด

+1 โหวต

ให้พอดีๆสิ แล้วทุกอย่างจะดี

รักมาก ไม่ได้แสดงว่าจะเห็นแก่ตัวนะ ?

+1 โหวต

เราเมตตาต่อตัวเองอยู่

แต่เราไม่กล้ารักตัวเองมาก

เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว

เอาเปรียบคนอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง

คนเราเมื่ออยู่กับอะไร ทำอะไรบ่อยๆ

จะกลายเป็นนิสัย

+1 โหวต

ใครก็ปรารถนาชีวิตคู่ดีๆกันทั้งนั้น แต่...เราจะรู้ได้ไงว่าใครดี(จริง) ??? เพราะคนบางคนกว่าจะเผยธาตุแท้ออกมาก็นาน ทำให้เราเสียเวลา เสียความรู้สึกไปอีก ทำให้ไม่อยากมีความรักอีก

ประสบการณ์ตรงไม่เคยมี เคยเห็นแต่ตามสื่อ คนรอบข้าง... ก็พอทำให้เราเข้าใจชีวิตคู่บ้าง

ว่าด้วยเรื่องกำลังใจ... คนรอบข้างก็พอให้ได้บ้าง แต่ก็ไม่มาก ? เราต้องให้กำลังตัวเองอยู่เสมอ เมื่อไม่มีคนให้ เราก็ให้ตัวเอง ให้มากๆ ให้ทุกวัน รักตัวเองให้มาก เมตตาต่อตัวเองให้มาก

+1 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ