กลับไปยังคำถาม (สังเกตุมาหลายครั้งแล้ว) คนตรงมักไม่ชอบการรักษาน้ำใจ กับคนที่มาขอคำปรึกษากับตัวเขาเอง
ถามคำถาม

ในคำตอบ

ในมุมเรานะ

คนตรงมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก

บางคนตรงแบบตอบตรงๆ พูดตรงๆ แต่ไม่ตำหนิ

บางคนก่อนตอบตรงๆ ก็ว่าก่อนแล้วค่อยสอน

หรือช่วยแนะนำ

และบางคนก็แขวะ ดูถูก ดูแคลน

ประหนึ่งว่าเป็นคนโง่ แล้วไม่ได้ช่วยอะไร

คนประเภทหลัง เราว่าไม่ใช่คนตรงๆ หรอก

แต่เป็นคนที่ดูคนที่ไม่รู้เป็นคนโง่ต่างหาก

ในมุมมองเรานะ

คนตรงก็แค่คอมเม้นท์ตรงๆ ในเนื้อหาที่เราถาม

หรือไปขอคำแนะนำโดยไม่อ้อมค้อม

และไม่ค่อยใช้วาทศิลป์

เมื่อต้องแสดงทัศนะที่แตกต่าง

ในลักษณะขวานผ่าซากเท่านั้น เช่น

ไม่เห็นด้วยก็บอกเลยว่า สิ่งที่เขาคิดเป็นเช่นใด

แย้งอะไรก็แย้งเลย บอกเลยว่าไม่เห็นด้วย

โดยวิพากวิจารย์ที่เนื้อหา เป็นหลัก

ไม่ใช่วิพากษ์วิจารย์คนที่เสนอเนื้อหานั้น

เราก็เป็นคนตรงๆ นะ แต่ไม่เคยดูถูกสิ่งที่อีกคนพูดว่าเป็นเรื่องแย่ๆ หรือไร้สาระ หรือเป็นความคิดโง่ๆ

แต่คนที่วิพากษ์วิจารย์เนื้อหา

พร้อมตำหนิผู้เสนอเนื้อหาว่า

ใช้อะไรคิด หรือดูไม่เอาไหน

จะเห็นได้ชัดในนักการเมืองที่วิพากษ์วิจารย์

การทำงานของกันและกัน

เพื่อ discradit ของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าจ้ะ

+4 โหวต · 6 ตอบกลับ

ยังไงก็อย่าใช้อึติในการตีความผู้พูดก็แล้วกันจะ

เพราะเคยมีการตีความผิดๆ เกี่ยวกับเรามาแล้ว

เราไม่ถือหรอก คิดแค่ว่า ...

แม้บางครั้งขุนเขาจะถูกเมฆหมอกบดบังจนดูเล็กลง

แต่ความยิ่งหญ่ของขุนเขาก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

+1 โหวต

ถ้ามีคนมาถามผมว่า "หรือคุณชอบพวกกะล่อนปล้นปล้อน จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน พูดชมคุณหวานๆ แต่ไม่จริงใจอย่างนั้นหรือ "

ก็ไม่ชอบหรอก แต่คนตรงควรจะมีวาทศิลป์ในการพูดด้วย(แต่ไม่ใช่เอาวาทะศิลป์ ไปใช้ในทางที่ผิดแบบพวกกะล่อนปลิ้นปล้อนนะ)

ให้ตัวผมคิดแบบนี้แล้วกัน ไม่มีใครทำอะไรให้ตัวเราถูกใจสำหรับตัวเราหมดทุกอย่าง (ตัวผมเองก็เช่นกัน)

+1 โหวต

อาจเป็นเช่นนั้นได้

เพราะคำพูด หน้าตาขณะพูด

เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ประกอบการตีความหมายด้วย

+1 โหวต

ผมว่าเขาใช้คำพูดโดยไม่คิดมากกว่า พูดในขณะที่สีหน้าดูจริงจังกับชีวิตมากๆ หลายๆ คนเลยมักเข้าใจผิด ถ้าคิดง่ายๆ สำหรับผมนะ คือ ขาดศิลปะในการพูดมากๆ พูดไม่นึกถึงคนฟังเลย ทำให้คนฟังตีความแบบผิดๆ

+1 โหวต

ในมุมมองเรานะ

คำพูดที่ตรงๆ แบบนี้ ฟังดูคลายดูถูก

แต่ถ้าเราฟังอีกแง่ ก็เป็นการแสดงความคิดห็น

ว่าการทำธุรกิจต้องมีทุน พรรคพวก

ต้องรู้จักคนเยอะ ต้องกว้างขวาง

เพื่อให้เขาเหล่นั้นเป็นลูกค้า รับฝากร้าน

และเป็นกระบอกเสียงในการส่งต่อ ประชาสัมพันธ์

.

นอกจากนี้ เมื่อ 5-6 ปีก่อน

เรามีลักษณะใดที่แสดงว่า..

เราพร้อมจะเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ในเวลานั้น

ซึ่งเมื่อย้อนกลับไป เราเองอาจยังเรียนไม่จบ

เราเองยังไม่มีทุนรอนที่จะทำ

เขาจึงมองว่า ณ ขณะนั้นเป็นเรื่องไกลตัว

เป็นเพียงความฝัน เป็นเพียงเป้าหมายอนาคต

เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในขณะนั้น ...

และการพูดตรงทำให้เราโกรธ ท้อแท้ หม่นหมอง

.

แต่สิ่งที่เราทำได้ในขณะนั้นล่ะ

ทำไมเราไม่เปลี่ยนความโกรธ ความท้อแท้

หม่นหมองนั้นให้เป็นพลังที่จะเอาชนะคำพูด

การดูถูก ปรามาสของเขา

นำความไม่พอใจ ความโกรธมาเป็นพลัง

เอาชนะด้วยการไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ

.

การแยกระหว่างดูถูก กับ แสดงความคิดแบบตรงๆ

เราว่าต้องใช้การนำ “อวจนภาษา” เข้ามาร่วมด้วย

ว่าขณะพูดมีสายตาดูแคลน น้ำเสียงเหยียดหยัน

สีหน้าบึ้งตึง ขณะแสดงความเห็น

ต่อความคิดของเราร่วมด้วยหรือไม่

ถ้าคนพูดตรงจะเน้นวิพากษ์วิจารย์ที่เนื้อหาเป็นหลัก

แต่ถ้าดูถูกจะมีลักษณะอื่นๆ ร่วมด้วย

ที่แสดงให้เราสังเกตได้ว่ากำลังพูดดูถูกเราอยู่

.

+1 โหวต

ก็คือ ในอดีตผมเคยพูดกับเขา(ญาติของผมนี่แหละ)

พอผมไปปรึกษาเรื่องอยากทำธุรกิจในอดีต เมื่อ 5 - 6 ปีที่แล้ว

เช่น คำพูดที่ผมพูดไปว่า "ผมอยากทำธุรกิจส่วนตัว" "ผมอยากเป็นผู้ประกอบการ"

เขาตอบกลับมาว่า "น้องน่ะมีทุนหรือเปล่าล่ะ ทำธุรกิจที่รู้จักคนเยอะน่ะๆ "

"มันเป็นเรื่องที่ไกลตัวของน้อง"

คำพูดเหล่านี้มันก็จริงนะ พอเวลาผ่านไป

แต่ว่าผมยังเก็บมาคิดในใจว่า "ทำไมคนตรงเขาถึงชอบดูถูกผู้อื่นจังเลย"

เข้าใจน่ะว่าหวังดี และไม่ชอบเสแสร้ง

+1 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ