เหตุผลที่ต้องเลิกกัน

เราเกิดความคิดเชิงเปรียบเทียบว่า

“ความคิดของชาย หญิง กับเหตุผลที่ต้องเลิกกับแฟน

จะเหมือน หรือแตกต่างกัน”

เลยมาขอความเมตตาจากสมาชิกมายฯ ที่น่ารัก

ช่วยเรียงลำดับสาเหตุที่คุณเลิกกับแฟน มีอะไรบ้าง

ทั้งที่เป็นเรื่องจริง หรือเรื่องสมมติ

ว่าหากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ คุณต้องเลิกแน่ๆ

ขอบคุณสาวๆ หนุ่มๆ สมาชิกมายฯ

ที่น่ารักทุกคนมา ณ โอกาสนี้

พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์แล้ว

ขอให้สมาชิกมายฯ ทุกท่าน

มีความรักเป็นสีชมพูทุกคืน ทุกวันนะจ๊ะ

ส่วนวันตรุษจีนปีนี้ เพิ่งผ่านวันขึ้นปีใหม่จีนไปเมื่อวาน

ก็ขอให้ทุกท่าน เฮงๆ รวยๆ ปังๆ ตลอดปีจ้าาาาา..

2 คำตอบ · +0 โหวต · 0 รายการโปรด · 33 อ่านแล้ว

(คิดเห็นส่วนตัว 😉)ที่จะเลิกกันคือ ไม่ชอบเรื่องการดูถูก&ดูผิด เรื่องบุพการีความยากดีมีจน การศึกษา ถ้าพูดบ่อยๆเราก็รับไม่ได้

เรื่องที่ไม่มีเหตุผล

การเลืกกันมันก็มีสาเหตุและข้อละเอียดการเลิกกันแบบแฟนที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมันก็มีสาเหตุอีกอย่าง

ถ้าเลิกกันแบบมีครอบครัวมันก็มีสาเหตุอีกแบบทีาต้องเลิก

ฉนั้นการเลิกกันในสมัยปัจจุบับนี้(ส่วนตัวไม่ว่าใครนะ)ทั้งคนยาก ดี มี จน มีชื่อเสียง&โนเนม ก็ไม่ถือว่าเป็นแปลก จะเป็นข่าวก็ไม่กี่วัน เพราะเรื่องบางอย่างก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของบุตคลนั้น เลิกแล้วบางคนก็ยังเป๋นมิตรสหายที่ดีต่อกีนทีบางคนยิ่งมีความเป็นห่วงมากๆ การเลืกกันถึงแม้ว่าเป็นการจบและจากกัน แต่ถ้าจากกันด้วยดีไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันคิดว่ายังเป็นมิตรที่แสนดียังมีสิ่งทีดีๆผูกพันกันอยู่

แต่ถ้าเลิกกีชนิดที่ไม่(เอวัง😂)ก็อบู่ที่💘😭

ถึงยังไง ก็ขอสมาชิก(มาย)ทุกๆท่านถ้าไม่ติดธุระหรือว่ามีเรื่องธุระกิจที่จะทำก๋อย่าเลิกลา(มาย)ไปไหนนะ ทุกๆท่าน(มาย)ยังเป็นมิตรที่ดี้เลิศแสนประเสริฐต่อกัน

ขอให้ ทุกๆท่านจงมีสุขภาพกายใจ แข็งแรงเงินไหลกอง ทองเต็มตุ่มมังกร(5ๆๆ😷🙌)

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณจ้ะ ถ้าอย่างนั้น

ก่อนเลิกรากันไป คงต้องจากกันด้วยดี

เพื่อเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน

การเลิกกันเปรียบเสมือนหมดเวรต่อกัน

ฉะนั้นจึงไม่ควรผูกเวรจองกรรม

ด้วยการโกรธเกลียดกันอีก

จริงมั๊ย??

+0 โหวต

เอาจากประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอะเจอเองและกับคนรอบตัวก่อนแล้วกัน

อย่างแรกก่อนเลย น้องที่ทำงานเก่า เจอกัน คบกัน วางแผนแต่งงานภายในระยะเวลา 3-4 เดือน

ไปงานแต่งด้วย แต่งได้ประมาณ 2-3 เดือนเลิกกัน เคสนี้จับใจความได้ประมาณว่า ญ เสียตัวให้ผู้ชายแล้ว

ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ญาติผู้ ญ ไม่อยากให้เสียฟรี อยากได้ค่าสินสอด แต่ ญ ก็ไม่ได้รักมาก สุดท้ายก็เลิก

เคสนี้เจอบ่อย โดยมากจะเจอแถวภาคกลาง

ส่วนเคสทั่วไปที่เจอมีแบบทั้งเป็นเรื่องของคนสองคนเอง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของความอดทน ความเข้าใจกันของคนสองคน

ส่วนใหญ่คนไทยไม่เปิดอกคุยกัน ไม่เหมือนที่เราเห็นที่เมืองนอกเค้าจะมี "จิตแพทย์" คอยแนะนำ

แต่ที่เมืองไทยจะใช้ "จิตเพื่อน" ให้คำแนะนำและปลุกปั่น เห็นมาเยอะละ "เราอย่าไปยอมมันเพื่อน"

"นี่แก ชั้นหวังดีนะถึงได้บอกแกร" "แกร วันนั้นชั้นเห็นแฟนแกรไปกับ ญ สวยๆ หุ่นดีๆ ด้วยแหละ" ฯลฯ

และที่ไม่น้อยก็คือ "จิตญาติ" อันนี้ มีเยอะกว่า "จิตเพื่อน" แยะเลย "ทำงานอย่างงั้นจะไปกันไหวเหรอ"

"มัวแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน ระวังนะ จะพากันไปเที่ยว ญ " ฯลฯ

ที่เล่ามามันก็ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของ ทั้ง ฝ่าย ญ และชาย

(แต่ตอนนี้มันทีทั้ง ญ-ญ /ช-ช / แอบ ช-แอบ ญ / ทอม/เทย ได้ทุกรส ฯลฯ)

ส่วนตัวแล้วเคยเจอหมด (ยกเว้น เคสแรกนะ) คิดว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนนะ

ถึงบางครั้งมันจะมีบุคคลไม่พึงประสงค์เข้ามาเป็นส่วนร่วมในเกมก็เถอะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือกิ๊ก ก็ตาม

บางเรื่องมันเป็นเรื่องของความอดทน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สมควรเก็บมาเป็นอารมณ์ พยายามใช้เวลาในเรื่องของความสุข

ถึงบางช่วงเวลามันจะมีเรื่องให้เข้ามาทดสอบความอดทนของเรา การใช้สติในการแก้ปัญหา

จริงๆแล้วส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเรื่อง วุฒิภาวะ ล้วนๆ นะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรอก อายุน้อยก็คิดได้ ประสบการณ์ก็ส่วนนึง

"ดีพอ พอสมควร พอดี เพียงพอ พอแล้ว" อาเมน....

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณนะสำหรับการแชร์สิ่งต่างๆ

ทั้งจิตเพื่อน จิตญาติ ^^

เป็นจริงทั้งนั้นเลย แต่สำหรับเรา

เราว่ายังทีอีกข้อหนึ่ง ที่คิดว่าตรงสุดๆ คือ

การไม่ปรับปรุงจุดผิดพลาดเดิมๆ

ก็เป็นเรื่องของการขาดวุฒิภาวะดีๆ นั้นเอง

อย่างนี้ถ้าเจอคนที่วุฒิภาวะบกพร่อง

โอกาสไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่

คงมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงแน่นอน

.

สรุปแล้ว “วุฒิภาวะ” เป็นเรื่องสำคัญ

ของการครองรัก ครองเรือน

+1 โหวต

คิดว่าประสบการณ์สำคัญกว่า เพราะไม่มีใครที่หัดปั่นจักรยานแล้วไม่ล้ม

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครปรับปรุงตัวได้ดีไปหมด

แต่ส่วนนึงของชีวิตครอบครัวคือการยอมรับ ยอมรับตัวตน นิสัย ความเป็นส่วนตัว ทั้งของเราและคู่ครอง

และต่อไปในอนาคตก็คือยอมรับ ทายาท หรือผลผลิตของเรา

ว่าไม่ว่าจะเป็นยังงัย นั่นก็คือ สิ่งที่ผลิต สร้างสรรค์ออกมาก

ลูกไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เราสอน แต่เค้าเรียนรู้สิ่งที่เราปฏิบัติ

พูดดีไปงั้นแหละ ผิดชอบรู้หมดแหละ แต่มันอดไม่ล่ายย..

+1 โหวต

“ประสบการณ์”

ประมาณว่าเจ็บมาเยอะก็เลยนำมาสรุปบทเรียน

แล้วนำไปประยุกต์ใช้กับรายต่อไป

ทำให้การใช้ชีวิตคู่ลดข้อผิดพลาดลงไปเรื่อยๆ

แหม.! ฟังแล้วใช้เป็นเหตุผลในการเปลี่ยนคู่เลย

...ล้อเล่น...

บางทีการยอมรับในตัวตนก็ไม่ทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น

อย่างเราเห็นเคสเรา พ่อเมาไม่ทำงาน

แม่ยอมรับหรือจำทนไม่รู้ได้ ปล่อยให้เขาดื่มทุกวัน

แล้วแม่ก็ก้มหน้าทำงานงกๆ และเลี้ยงลูกไปวันๆ

ชีวิตคู่ไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย

ลูกก็ไม่มีใครอบรมสั่งสอน เที่ยวเตร่ไปวันๆ

เรียนหนังสือก็ไม่จบม.ต้น ไม่มีงานทำ

หรือว่าเขามีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้เนอะ

แต่เราชอบประโยคนี้

“ลูกไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เราสอน แต่เรียนรู้สิ่งที่เราปฏิบัติ”

ขอยืมไปปลุกความคิดให้ครอบครัว

ที่เรารับเคสหน่อยนะ ^_^

ไม่ได้ขโมยน้าาา.. ขอแล้ว ไง

แต่ไม่ถามต่อว่าอนุญาตหรือเปล่า แฮ่.!!

+1 โหวต

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ