ขอวิธี เทคนิคฝึกตัวเอง ให้เป็นคนใจเย็นหน่อยครับ กราบแบบไม่แบมือ

ตั้งสติ เรียกตัวเองให้ใจเย็นๆเข้าไว้

ฝึกนับเลขให้ถึง10 ก่อนพูด ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องดี หรือเรื่องไม่ดี

เรานิ่งก่อนค่ะ จะเงียบ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น หลบมุม หายใจลึกๆ

สติกับวัยที่มากขึ้น

ส่วนตัวเป็นคนคล้ายใจเย็นมีสติ

แต่จริงๆแล้วเป็นคนคิดช้าทำช้า

พอทุกอย่างมันช้า ทุกอย่างมันก็คล้ายจะใจเย็น มีสติเอง

ฝึกดูลมหายใจเข้าออกตรงปลายจมูก

ทำบ่อยๆทำได้ทุกที่ทุกเวลา

แล้วจะดีขึ้น(ทุกด้าน)

ปล่อยผ่าน คิดว่า ช่างแม่ง

ดนตรีบำบัดช่วยปรับสภาพอารมณ์และช่วยเพิ่มสมาธิได้ค่ะ เปิดฟังก่อนนอน รึจะตอนเช้า รึเปิดคลอๆตอนทำกิจกรรมยามว่างรึอ่านหนังสือเพลินๆ ดนตรีคลาสสิกโมสาร์ท บีโธเฟน Jass, saxophone, รึดนตรีประเภทคลื่นเสียงต่างๆที่ช่วยบำบัดโรค รักษาซ่อมแซมเซลล์ต่างๆของร่างกาย การนอนหลับ กำจัดพลังงานลบเพิ่มพลังงานบวก การผ่อนคลาย (คลื่นอัลฟ่า คลื่นเดลต้า)

มีสติ และคิดถึงอนาคตครับ

หายใจเข้าด้วยกระบังลมให้สุดปอดเสร็จแล้วกลั้นหายใจ นับ 1 - 2 - 3 - 4 ช้า ๆ แล้วหายใจระบายลมออกช้า ๆ สลับหายใจเข้าแล้วนับ ทำอยู่แบบนี้จนอารมณ์เบาลง

จบที่เราเบาที่สุด

ฝึกเจริญสติ

อย่าใจร้อน อย่าเหวี่ยง

ต้องเห็นถึงโทษหรือข้อเสียของอารมณ์ร้อนให้ได้

ฝึกนั่งสมาธิ มีสติกับลมหายใจ 1นาทีที่เราทำได้ ก็ทำให้เราเย็นได้ ค่อยๆทำไปเรื่อยๆค่ะ

คิดว่าเราอยู่บนโลกนี้แค่ไม่นาน อย่าเอานิสัยนี้ติดตัวไปในชาติหน้าเลย แม้ร่างกายเราเกิดใหม่ แต่จิตดวงนี้ยังคงเดิม หัดตั้งแต่วันนี้ดีสุด

คนมีบุญ ส่วนใหญ่จะใจดี ใจเย็น

อารมณ์ดี เบาสบาย มีความสุข เหมือนอยู่สรวงสวรรค์ เราเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ชั้นดีค่ะ

เราอยู่ในอาชีพที่ต้องรับมือกับสนามอารมณ์บ่อย เลยอยากมาแชร์วิธีค่ะ

1. ขั้นแรกต้องฝึกหมั่นสังเกตอารมณ์ตัวเองเสมอ ลองพูดเบาๆ กับตัวเองก็ได้ ว่าเรากำลังโกรธมาก และให้หนีห่างจากออกจากสถานการณ์นั้นก่อน โดยเฉพาะในคนที่ใจร้อนมากๆ

ถ้าเป็นการตอบโต้ใน social media ให้ใช้วิธีเขียนลงใน app note ก่อนก็ได้ แล้วค่อยก๊อปมาแปะ มันจะมีเวลาคิด

ในสถานการณ์จริง ใช้วิธีขอเวลาก่อนได้ หาช่วงเวลาคิด อย่างน้อย 3 วินาทีก่อนตอบสนอง

ที่ทำแบบนี้ เพื่อให้สมองส่วน amygdala ที่กำลังทำงานรุนแรง ซื้อเวลาให้มันโดนซักจุดในสมองยับยั้งก่อน

2. ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ หาวิธีเชิง autonomic ที่ยับยั้ง amygdala ให้ได้ ที่มักจะแนะนำกันคือ สูดหายใจลึกๆ เพราะมันเป็นการกระตุ้นประสาท vagus nerve ที่ส่งสัญญาณไปยับยั้งการหายใจเข้า และสัญญาณนี้ช่วยลดประสาทตื่นตัว sympathetic และลดการหลั่ง cortisol นิดนึงด้วย ตรงจุดนี้ ทำให้เวลาผ่านไปซักนาที เราจะคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น

แต่ในคนที่เป็น panic/hyperventilation อยู่แล้ว สูดตรงนี้ต้องระวัง บางทีกระตุ้น hyperven

3. ในช่วงเวลาปกติ ให้ฝึกการรับมือกับความไม่พอใจ เวลาเจออะไรขัดใจ ลองใช้วิธีปรับเหตุผลดู เช่น ทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแย่ๆแบบนี้วะ ให้ลองเป็น เห้ย สถานการณ์คุ้นๆ เคยผ่านหนิ เดี๋ยวมันก็เหมือนเดิมแบบทุกที

เรียกวิธีนี้ว่า cognitive reframing เป็นการปรับให้ prefrontal cortex มันใช้ตรรกะเก่งมากขึ้น แต่ต้องฝึกบ่อยมาก ให้ฝึกใน social ก็ได้ เวลาเจอ comment อะไรไม่สบายใจ ลองฝึกแล้วตอบกลับไปนิ่มๆ ดู

4. อนาคตหากิจกรรมระบาย stress ที่ดีพอค่ะ ออกกำลังกายช่วยได้มาก ช่วยทั้งการควบคุมอารมณ์ และช่วยทั้งกระบวนการคิดเลย เพราะออกกำลังกายมันเพิ่มระดับสาร BDNF ทำให้คนที่มีปัญหาแนวๆ วิตกกังวลนั้นกลับมาเป็นปกติได้

ลดโทสะด้วยการเจริญเมตตา

ฝึกเจริญเมตตาครับ เหมาะกับพวกขี้โกรธ

ตอบตัวเองก่อน

ใจร้อน หัวร้อนไปเพื่ออะไร

ใครได้ประโยชน์ จากความใจร้อน

หัวร้อน นี้

ฝึกนั่งสมาธิเยอะๆครับ

ใครว่าเราก็ให้เรานับสร้อยข้อมือลูกปัดสัก​ 500 ก่อนจะว่าใคร..เพราะพอเราคิดจะพูด..เวลาผ่านไปเรื่องมันก็เปลี่ยนเรื่องใหม่แล้ว...ชะลอคำ

ปล่อยวางกับทุกอย่าง เปลี่ยนวิธีคิด

อย่าใจร้อน

คิดเยอะ ๆ แต่เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา ผมเองเมื่อก่อนใครสะกิดติดได้หมด ใครๆ ก็บอกว่าเป็นทหารก็หนี อยู่ไม่ได้แน่โดน คอมแบท แน่นอน

สุดท้าย เวลาทำให้เราโต ของแบบนี้ ต้องใช้เวลา คิดเยอะ ๆ ยิ่งได้มีลูก เอาเหอะ ยอมครับพี่ ไปอยู่กับลูกเมียดีกว่า

ฝึกสติครับ

นั่งสมาธิรู้ลมหายใจเข้าออก

คิดเสียว่าไม่นานเราก็ตายแล้วครับ (มรณานุสติ) ทำอะไรเพื่อคนอื่นดีกว่า ลดความเห็นแก่ตัวลง ใจก็จะเย็น