ทำไมความเท่าเทียมในสังคมถึงไม่ยกเลิกการให้สินสอดผู้หญิง

ทุกวันนี้แทบจะหาเงินสินสอดกันเองทุกคู่อยู่แล้ว ละมันไม่ใช่กฎหมายบังคับไม่ต้องมีก็ได้ มันคือค่านิยม ไม่ต้องมีก็ได้ ส่วนตัวไม่อินเลย

อะไรที่ได้ประโยชน์ ไม่สนใจครับ

แต่อะไรที่เสียเปรียบ เช่นโดนทำร้ายร่างกาย พร้อมลุกขึ้นสู้ แล้วก็อัางเรื่องท้อง ซึ่งจริงๆ ถ้าไม่อยากท้องมีลูกก็สามารถปฏิเสธได้ พูดง่ายๆคืออะไรที่ได้เปรียบ กรูเอา อะไรที่เสียเปรียบ จะต้องเปลี่ยนแปลง

และประเพณีนี้ก็จะคงอยู่เพราะ ีฝคนหัวโบราณช่วยกันอนุรักษ์ไว้

นี้แต่งงานสองครั้ง พ่อแม่ไม่เคยขอสินสอดเลย สามีเราเป็นคนต่างชาติ ถามพ่อแม่อยู่นะว่าอยากได้สินสอดอยากให้จัดงานไหม พ่อแม่บอกว่าแล้วแต่ลูกเลย ไม่จัดก็ดีไม่เปลือง

ปัญหาคือการให้สินสอดหรือเงินครับ ถ้าปัญหาที่เงินก็ยอมรับสิครับว่าไม่มีแล้วก็หาเงินครับ แต่ ถ้ามีเงินแต่ไม่อยากจ่ายสินสอดก็อย่าแต่งครับหรือไปหาแต่งกับคนที่เขาไม่เอาสินสอดดีกว่าไหมครับไม่มีใครมาบังคับหนิครับว่าต้องแต่ง คนเราเลือกได้ครับแล้วก็ยอมรับความจริงครับ

ถ้าถามว่าทำไม

ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบความเท่าเทียม

ไม่ใช่ทุกคนจะมี critical thinking

หลายคนยังใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

แค่นั้นแหละครับ

ประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่มีระบบสินสอดหรอกครับ ถ้าสังคมไทยฉลาด ประเทศเจริญไปนานแล้วครับ

สินสอดคือความไม่ยุติธรรมที่ฝ่ายชายต้องจ่ายอย่างเดียว ฝ่ายหญิงรับอย่างเดียว เพราะ ฉะนั้นเปลี่ยนเป็นระบบลงขันให้คู่บ่าวสาวเอาไปทำทุนดีกว่า

คุ้มจ่ายเหอะ ตกวันละไม่กี่บาท 555

ถ้าตอบแบบสาระนะคะ คือทำความเข้าใจถึงที่ไปที่มาของสิ่งนี้

ค่าสินสอดสมัยก่อน คือฝ่ายญ แต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย หรือเมื่อแต่งแล้วมักต้องลาออกจากงาน ทำให้ขาดรายได้ สินสอดก็อาจจะเป็นสิ่งที่สื่อถึงว่าที่ฝ่ายชายมีสมบัติเลี้ยงดูฝ่ายหญิงได้เมื่อสร้างครอบครัวหลังแต่งงาน

แต่ปัจจุบันเริ่มเป็นการช่วยกันทำงานสองฝ่ายแล้ว ส่วนตัวมองว่าควรยกเลิก เพราะ เดี๋ยวนี้ไม่มีเงินก็ใช้บริการเช่าสินสอดกัน เอาเงินมาวางหลอกๆ แต่ชีวิตจริงมีหนี้เยอะแยะ ไม่ได้ใช้บอกว่ามีสถานะภาพทางการเงินที่ดี

ในมุมผญ ได้สินสอดน้อยก็เสียหน้าอีก หรือทำไมถึงตีค่าชีวิตผู้หญิงออกมาเป็นเงิน ดาราแต่งทีค่าสินสอดเท่าไหร่ ทำไมออกข่าวใหญ่โต ทำไมประชาชนถึงสนใจ สะท้อนความสนใจอะไรของคนในสังคม มีหลายวิธีที่นะดูว่าเราฝากอนาคตไว้กับคนที่จะแต่งงานได้มั้ย

ถ้าไม่อยากให้มีสินสอดก็ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ขอสินสอดค่ะ จบ

ไม่สำคัญค่ะว่าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก เป็นธรรมเนียมวัฒนธรรม ที่ตกลงกันทั้งสองฝ่าย

เพราะความเท่าเทียมยังเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังไม่ใช่ส่วนใหญ่ อีกทั้ง ทีคู่สมรสลายคู่ก๊ไม่มีสินสอดแล้ว จขกท อาจไม่รู้(ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะส่วนน้อยจริงๆ)

หาผลประโยชน์ จากวัฒนธรรม

พวกสายเท่าเทียมเขาก็ยกเลิกกันอยู่แล้ว แต่มันเป็นประเพณี (ที่ได้เอาเปรียบ) เท่าเทียมบางคนก็ไม่ยกเลิก จะมองหาสาบเท่าเทียมที่แท้ทรู หรือเฟมินิสต์ที่แท้ทรู ก็ดูเรื่องสินสอดเนี่ยแหละ

เพราะถ้าผู้ชายเฮียแล้วต้องเลิกกัน อย่างน้อยก็ยังมีเงินอยู่

เป็นปัญหาก็ไม่ต้องแต่ง คนที่พร้อมมี

ไม่รู้สิ เรามีลูกสาว เราสอนลูกว่าความเท่าเทียมมันไม่มีจริง ตั้งแต่เกิดเป็นเพศญ. เพศช.แล้ว ผชไม่เป็นปจด มีกำลังมากกว่าผญ ไม่มีเงินก็บวชเป็นพระ ไม่อดตาย หรือแม้จะเป็นคนเร่ร่อนก็ปลอดภัยกว่าผญ นอนตรงไหนก็ง่าย ฉี่ตรงไหนก็ง่าย ตอนท้อง9เดือนนั่นคือความเสี่ยงที่สุดในชีวิต ตอนคลอดเลี้ยงลูก ถ้าไม่มีเงินเก็บจนลูกเข้าเรียนได้ อย่ามี เพราะไม่แน่ว่าจะพึ่งผัวได้แค่ไหน เพราะถ้าเขาทิ้งไป ก็ทำไรเขาไม่ได้ เพราะฉนั้น จะมีผัว ต้องให้เขามาขอมาแต่ง เงินก้อนนั้น ก็เก็บไว้เผื่อตอนเราท้อง ตอนเราต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูก ถึงจะมี ไม่มี ก็เพื่อความมั่นคง และปลอดภัย เราอยู่ประเทศไทย ไม่มีสวัสดิ์การเพียงพอที่ตกงาน มีลูกเล็ก แล้วรัฐช่วยดูแล เหมือนประเทศที่เจริญแล้ว จะเอาไปเทียบกันไม่ได้ ผชที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาเป็นสุภาพบุรุษพอทีจะเข้าใจ

บางคนเรียกร้องความเท่าเทียมจริงๆ

บางคนเรียกร้องสิทธิพิเศษ (privilege) ครับ 😉

ถ้าผู้หญิงได้เปรียบเขาจะไม่เรียกร้องครับ ยกตัวอย่างเด็ก 13 มีอะไรกันเอง พ่อแม่ฝ่ายชายก็ฟ้องฝ่ายหญิงได้ ฝ่ายหญิงก็ฟ้องฝ่ายชายได้ แต่ศาลจะให้ความเสียหายผู้หญิงมากกว่า

ตรรกะผิด การให้สินสอดไม่ใช่ความเท่าเทียมแต่แรกอยู่แล้ว เกี่ยวอะไรกับการยกเลิก

ใครใคร่จ่ายก็จ่าย ใครไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่ายไง แต่พ่อแม่เค้าจะให้แต่งด้วยมั๊ยก็ไปตกลงกันเอาเอง นี่แต่งก็ไม่มีสินสอด บ้านใครบ้านมัน ใครสะดวกแบบไหนก็ตามนั้น ไม่แน่อีกสัก20ปีข้างหน้าประเพณีนี้อาจไม่มีแล้วก็ได้

สินสอดที่เมืองฝรั่งไม่มีเพราะกฎหมายเขาเอาจริง เลิกกันหากมีลูก ผู้ชายก็ยังต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรและภรรยาบางส่วนจนลูกโตและภรรยาสารถไปทำงานได้

แต่เมืองไทยกฎหมายมันบังคับไม่ได้ ฉะนั้นมีสินสอดไว้ดีแล้ว ถ้าฝ่ายหญิงเรียกสินสอดแล้วไม่อยากจ่ายก็อยู่เป็นโสดไป หรือไปหาคนใหม่ที่เขายอมไม่เอาสินสอดดู

กะเเดกฟรีเลยเหรอครับพรี่พวกสินสอดส่วนใหญ่ก็ให้เป็นพิธีนะเพื่อให้ดูดีพ่อเเม่เขาก็แบ่งให้ไปเริ่มชีวิตใหม่จากที่เห็นแต่ละที่ก็อาจจะมีวัฒธรรมที่ต่างกันไป ที่ไม่มีก็ดูแลในส่วนอื่นเอา เท่าเทียม ...ไม่มีจริงหรอกครับ เพราะ ผญ ลำบากทางกายภาพหนักหนวง ผช ก็ต้องป้องเสริมช่วยดูแลกัน จะเอาเขาฝ่ายเดียวไม่เสียอะไรเลยมันแปลกดูตลก มันทุเรสมันเห็นแก่ตัวมันดูไม่เท่ครับ หยอกๆ🤣

สังคมไม่ได้อยากเท่าเทียมจริงๆ

แค่อยาก มีแต้มต่อในบางเรื่อง เพื่อชดเชยข้อด้อยของคนแต่ละกลุ่ม

แทนที่จะ ลดมาตรฐานขั้นต่ำของทุกคนให้ทุกคนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เลิกมองว่า คนกลุ่มไหน เหนือกว่าหรือด้อยกว่าในเรื่องต่างๆ มองทุกอย่างให้กว้างๆเฉลี่ยๆ เพื่อให้ทุกคนถูกเกลี่ยให้เท่าเทียมกันมากขึ้น

ผมคิดว่าประเด็นนี้คงมีคนอยู่ 3 แบบครับ

1.เห็นด้วยกับเรื่องชายหญิงเท่าเทียม รวมไปถึงเห็นด้วยกับการยกเลิกสินสอด

2.ไม่เห็นด้วยกับเรื่องชายหญิงเท่าเทียม ผู้หญิงเป็นแบบนี้ ผู้ชายเป็นแบบนั้น เหมือนเดิมก็ดีแล้ว

3.พวกย้อนแย้ง อะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็อยากให้เท่าเทียม อะไรที่เท่าเทียมแล้วตัวเองเสียประโยชน์ก็อยากให้เอาไว้เหมือนเดิม

ซึ่งในสังคมมันก็มีคนทั้ง 3 แบบนั่นแหละ เลยได้เห็นทั้งการผลักดันให้เท่าเทียม ทั้งสินสอดที่ยังไม่ถูกยกเลิก

เอาตามจริงมันก็มีพอเป็นพิธี สุดท้ายก็ให้บ่าวสาวคืน อันนี้ก็แล้วแต่พ่อแม่บ่าวสาวคุยกัน

เรตราคา ขึ้นอยู่กับอะไรครับ

วัฒนธรรมครับ แต่ถ้าเวลาผ่านไปรุ่นต่อรุ่น ก็ไม่แน่นะ

ก็จะเอาเค้ามาอยู่ด้วย ที่ไหนก็มี.....จะเว้นที่แปลกๆอยุ่ไม่กี่แห่ง.......

เค้าไม่มีกฎหมายบังคับนี่ครับ