ตอบแล้ว 9 ปีที่ผ่านมา
ก็เพราะเป็นคดีแพ่ง ที่ยอมความกันได้ไง ศาลคงเล็งเห็นแล้วว่าการไม่ยอมลดราวาศอกให้กันนั้น รังแต่จะทำให้คดียืดเยื้อ ฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอามากๆ อีกฝ่ายหนึ่งอาจไม่มี ศาลตัดสินไปก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะกู้ยืมมาชำระให้ได้หรือไม่ เพียงใด เพราะข้อเท็จจริงอาจเห็นว่าฝ่ายนั้น ยากจน ยากเกินกว่ากำลังที่จะหามาจ่ายให้ได้ หรือฝ่ายเรียกร้องอาจได้รับการชดใช้ทางแพ่งจากบริษัทประกัน หรือรับการชดเชยจากส่วนอื่นมาแล้วบางส่วน การเรียกร้องทางแพ่งเรื่องการละเมิดหรือเรียกค่าเสียหายในส่วนที่อีกฝ่ายต้องจ่ายอาจมากเกินกำลังความสามารถ และลูกความของทนายก็หัวชนฝาต่อหน้าศาล ไม่ยอมลดราให้กัน ทนายซึ่งมีประสบการณ์ก็ย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่อาจจ่ายได้ แต่ด้วยหน้าที่ และรับเงินลูกความมาแล้ว จึงดันทุรังว่าความอย่างไม่ลดราให้กัน
ศาลจึงต้องใช้วิธีเรียกทนายไปหารือ เพื่อให้ทนายพูดคุยกับลูกความของตน ให้ลดลงจากที่ต้องการบ้าง ดีกว่าให้คดียืดเยื้อ ดีไม่ดีเมื่อศาลตัดสินแล้ว อีกฝ่ายไม่อาจจ่ายได้ จะมีการฟ้องร้องบังคับคดีให้เป็นข้อยุ่งยากแก่ศาลในภายหน้าอีก จึงให้ทนายลองพูดคุยกับลูกความเพื่อเจรจานอกรอบแทนศาล ประกอบกับทนายมีวาทศิลป์มากย่อมสามารถกล่อมหรือพูดให้ข้อเท็จจริงแก่ลูกความได้ดีกว่า เนื่องจากหากศาลพูดเองจะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าเป็นกลวิธีในการลดข้อขัดแย้ง และลดข้อยุ่งยากแก่ศาลในอนาคต
หากสามารถเจรจาตกลงกันได้เอง ศาลก็ไม่ต้องเปลืองตัว แถมคดีเสร็จสิ้นไปโดยเร็วอีกด้วย
+4 โหวต · 5 ตอบกลับ