ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดี ที่นำมาฝาก

เอิ่ม..........ยาวมาก กว่าจะอ่านจบ

ถือว่า คนที่เขียนบรรยาออกมา ถือเป็นเรื่องราวที่มองโลก แบบสุดโต่งจริงๆ หุหุ

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมนะ

คือ ใครจะคิดยังไงแบบไหนก็ตาม ไม่ถือว่ามีผิดหรือถูกหรอก

เพราะคนเราทุกคน มีจิตใจ มีความคิด และประสบการณ์ที่ต่างกันออกไป

และไม่ว่ายังไงก็ตาม สัญชาติญาณของความเจ้าชู้ มันเป็นสันดานดิบในตัวของมนุษย์ทุกคน

ไม่ว่าชาย หญิง เกย์ กระเทย ก็ต่างมีความเจ้าชู้ในตัวได้ทั้งนั้น ( ไม่ต้องสาดโคลนให้เพศไหนเลว.....)

มันขึ้นอยู่ที่ว่า จะควบคุมจิตใจตนเอง ให้อยู่ในความถูกต้องหรือศิลธรรม ได้มากแค่ไหน เท่านั้นเอง.......

จิตใจของมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง ความเจ้าชู้ รวมอยู่ในตัวเป็นทุนอยู่แล้ว ถึงได้เรียกว่า '' คน ''

และที่กล่าวมาทุกข้อ สรุปได้ ก็คือ '' รู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ ''

เพราะจิตใจมนุษย์มันยากแท้หยั่งถึงจริงๆ.....

แต่ถึงยังไงก็ตาม ผมก็อยากจะกล่าวไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า

การที่หลายๆคน หลายๆคู่ ที่ยอมแต่งงาน และใช้ชีวิตร่วมกันนั้น

ซึ่งเชือเลยว่า ต่างคนต่างต้องคิดเหมือนกันแน่นอนอยู่แล้ว

นั่นก็คือ...........รู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ หรือ ใจเขาใจเรา มีความคิดไม่เหมือนกัน

แต่เพียงเพราะว่า พวกเขายอมไว้ใจต่อกัน ยอมให้ความเชื่อถือต่อกัน ให้เกียรติกันด้วยความรัก

และเขายอมใช้ชีวิตคู่ แบบศึกษาคบหาดูใจกันแบบไปทั้งชีวิตไปจนตาย เพราะชีวิตคือ การศึกษาที่ไม่มีที่สิ้นสุด......

แต่ถึงยังไงก็ตาม..........

ถ้าคนดีดี สมัยนี้ มันหายากจริงๆ ไว้ใจกันยากจริงๆ จนหวาดระแวงจริงๆ

ดีที่สุด.........ก็อยู่แม่งคนเดียวไปเลย นั่นล่ะ ดีแล้ว จะได้ไม่มีปัญหา

เพราะไม่รู้ว่า ในอนาคตข้างหน้า สันดานธาตุแท้ของคนเราจะโผล่ และจะเจอเรื่องราวอะไรตามมาอีกบ้าง.???

ปล.

บอกตรงๆ ผมเป็นคนเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับเบื่อสังคมมนุษย์ด้วยกันครับ แถมปลงไปนานเสียแล้ว

ขอตอบกับเรื่องนี้ แบบตรงๆ แบบปังๆ แม่งเลย เหอๆๆ..........=_=''...........