ในคำตอบ

เคยเจอบแบบคุณครับ คนสวยหน้าตาดีคุยกับแฟนเขา เรื่องเงินทอง พาเธออารมณ์ขึ้นเท่านั้น จริงมันก็เรื่องส่วนตัวของเธอแต่ตอนนี้เธอยังอยู่ต่อหน้าสังคมเธอควรระวังมากกว่านี้ แต่ทำไงได้หล่ะ เรื่องเธอ

แล้วคำว่า "มึง" "กู" "ไอ้เห้" "ไอ้ห่า" มิได้เป็นคำหยาบคายแต่เก่าก่อนแต่ในช่วงยุค 88-90 เป็นยุครุ่งเรื่องของปัญญาชน นักเรียนนักศึกษาในช่วงเวลานั้นคิดภาษาดอกไม้ของตนเองขึ้น เพื่อแยกตนเองให้แตกต่างจากคนยุคก่อนๆ เมื่อทำได้สำเร็จเนื่องจากนักศึกษายุคนั้นกลายเป็นคนทำงานทีวี คนควบคุมสื่อ ครูอาจารย์ไปจนถึงผู้มีบทบาททางการเมือง อีกทั้งวงสังคมที่เรียกว่า ผู้ดีหรือ ไอโซ ก็สนับสนุนวัฒนธรรมภาษาดอกไม้เอามาก จึงเกิดแบบคำหยาบคำสุภาพขึ้นนั้นเอง

สรุปผมจำใจยอมรับจ้า

ปล.เท่าที่ผมจำได้ผู้ถามเป็นผู้หญิงนี้ครับ ทำไหมอธิบายความตื่นเต้นยังกับหนุ่มเจอสาว

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

อาจไม่ใช่คำหยาบคาย

แต่มุมมองเราคำพวกนี้ ออกจากปากใคร

ทำให้คนนั้นลดความน่ารักลงไปมากมาย

จนน่าใจหาย

.

ส่วนเรื่องภาษาดอกไม้ ฟังดูเห็นภาพชัดเจน

ขอบคุณสำหรับความคิด ความรู้ เรื่องภาษาดอกไม้

ว่าแต่ว่า ....

คนยุคนั้น เขาคิดแบ่งชนชั้นเช่นนั้นจริงๆ เหรอ

หรืออาจจะจริง เพราะเห็นในละครสี่แผ่นดิน

ลูกแม่พลอยคนโตที่เป็นลูกแท้ๆ กับลูกสาวคนเล็ก

ดูว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย

.

.*__*.

+0 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ