เราติดตามการทำงานเพื่อช่วยน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิต
ออกจากวนอุทยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
ด้วยหัวใจที่มีความหวัง หวังที่จะให้น้องมีชีวิตรอด
ต่อมาทราบว่าทีมช่วยเหลือได้พบน้องๆ แล้ว
ซึ่งทั้ง 13 ชีวิตยังมีลมหายใจ
แม้ร่างกายซูบผอมลงมาก
แต่ทุกคนยังมีสภาพจิตที่ดี มีความหวัง
และช่วยประคับประคองซึ่งกันและกัน
ด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม ไม่ย่อท้อต่อสภาพที่ตนเผชิญ
แต่สิ่งที่ทำให้สลดหดหู่เป็นที่สุด คือ ....
เราได้สูญเสียอดีตทหารหน่วยซีลจากเหตุการณ์นี้
บนความสุข ความหวัง ที่ได้พบน้องทั้ง 13 คน
และการรอคอยวันที่ภารกิจของทุกหน่วยสำเร็จลุล่วง
กลับต้องพบกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ของครอบครัวอดีตทารที่ยังมีจิตสำนึกของชายชาติทหาร
ที่พร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้บรรลุภารกิจอยู่เต็มเปี่ยมในหัวใจ
ขอสดุดี ขอคารวะ และแสดงความอาลัย
แด่วิญญาณทหารหาญผู้นั้นมา ณ โอกาสนี้
...
สิ่งที่เราอยากแลกเปลี่ยนในวันนี้ คือ ...
สมาชิกมายฯ คิดว่า ....
หลังภารกิจเสร็จสิ้นลง พร้อมกับความสำเร็จ
ในการนำน้องๆ ทั้ง 13 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย
“รัฐควรตอบแทนกลุ่มคนจากทุกหน่วยงาน
ที่ได้เสียสละความสุข และอุทิศตนร่วมทำงานตลอด 24 ชม.
บนความเร่งรีบ ความยากลำบาก และความเครียด
ในทุกๆ ภารกิจที่ได้รับ ทั้งทีมสูบน้ำ ทีมดำน้ำ
ทีมสำรวจ ทีมแรงงานขนท่อสูบน้ำ ทีมแพทย์
ทีมสนับสนุนทั้งไทย และต่างชาติ อย่างไร
เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นรับทราบว่ารัฐมองเห็น
ทุกความร่วมแรง ร่วมใจ ความยากลำบาก
และความทุ่มเทของเขาเหล่านั้น”
.
วันนี้เราฟังจิตแพทย์พูดถึงการให้ที่สมควรให้
ทั้งให้โอกาส ให้ความช่วยเหลือ
ที่ไม่ใช่การให้เพียงคนกลุ่มเดียว
แต่ควรให้ส่วนรวม เพื่อให้คนส่วนรวมในชุมชน ในสังคม
ได้รับประโยชน์ร่วมกัน และสอนให้ชุมชนเรียนรู้ว่า
ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของตน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในชุมชน
หากเขาร่วมมือ ร่วมใจกัน ช่วยเหลือกัน
จนผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหามาได้
ทุกคนในชุมชนย่อมได้รางวัลแห่งความสำเร็จ
เพื่แให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
.
# ขอเป็นกำลังใจให้ทุกทีมงาน ทั้งที่ทำงานด้านหน้าและผู้ปิดทองหลังพระทุกคน