เพราะอะไร "สัจจะไม่มีในหมู่โจร" มาดูกัน ครับ

ขึ้นชื่อว่า “โจร” มักจะเชื่อถือคำพูดไม่ได้ จึงมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” จะเห็นได้ว่าเมื่อผู้ต้องหารับสารภาพในคดีที่ตนได้กระทำผิด พนักงานสอบสวนต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปชี้เกิดเหตุประกอบคำรับ บรรดาสื่อชอบเรียกว่า “เอาผู้ต้องหาไปทำแผน” ความจริงก็เพื่อต้องการที่จะให้ผู้ต้องหาได้นำชี้ถึงตำแหน่งแห่งที่ต่างๆที่เขาได้กระทำลงไป ทำอย่างไร พนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาอีกว่าผู้ต้องหานำชี้ถูกต้องตรงกับที่ได้สอบสวนพยานอื่นไว้หรือไม่ หรือว่าขัดแย้ง มีเหมือนกันที่บางคดีผู้ต้องหารับสารภาพส่งเดช อาจจะเป็นเพราะกลัวโดน “อัด” เมื่อรับแล้วก็นำชี้โบ้ยไปเรื่อยเปื่อย พลอยให้คนอื่นไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดือดร้อนไปด้วย คดีแบบนี้มักจะเกิดกับรายที่ให้ผู้เสียหายชี้ภาพถ่าย ซึ่งเกิดการผิดพลาดมากกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ หรือคดีที่มีการสะเกตภาพคนร้ายแล้วไปคว้าเอาคนหน้าเหมือนมาดำเนินคดี ปัจจุบันวิธีการนี้ตำรวจเลิกใช้แล้ว จากประสบการณ์ หากเป็นภาพของคนที่เราไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ามาก่อน เห็นหน้าแวบเดียวในที่เกิดเหตุไม่มีทางที่จะไปยืนยันภาพถ่ายได้ แต่ก็มีบางคดีที่ผู้เสียหายหรือพยานจำคนร้ายได้แม่นยำ เช่นคดีที่ผู้เสียหายหรือพยานประจันหน้ากับคนร้ายเป็นเวลานาน มีองค์ประกอบอื่นอีก เช่นสภาพของแสงสว่างในที่เกิดเหตุมากน้อยเพียงใด สภาพจิตใจของผู้เสียหายหรือพยานในขณะนั้น

ผมเคยไปสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เรื่องการสังเกตจดจำในสภาวะวิกฤต หรือในเวลาคับขัน ตื่นตระหนก เวลาเช่นนั้นจะจดจำอะไรไม่ได้เลย หรือถ้าจำได้ก็เพียงนิดหน่อย ผมทดสอบกับนักเรียนนายร้อยตำรวจในชั้นเรียนประมาณ ๑๕๐ คน วันหนึ่งในตอนบ่าย ผมกำลังทำหน้าที่บรรยายอยู่ในห้องเรียน ผมได้สร้างเหตุการณ์สมมุติขึ้นมา ใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบ ๒ คน คนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ อีกคนนั่งซ้อนท้าย ขับไปจอดที่หน้าห้องบรรยาย ให้คนที่นั่งซ้อนท้ายลงจากรถวิ่งเข้าไปในห้องบรรยาย แล้วชักอาวุธปืนระดมยิงไปที่ผมและที่นักเรียนนั่งฟังบรรยายหลายนัด ยิงแบบรัวโดยใช้ลูกกระสุนปืนชนิดที่ไม่มีหัวกระสุน เสร็จแล้วให้คนที่ยิงนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายเวลาประมาณ ๑๐ วินาทีเท่านั้น ทันทีที่มีเสียงปืนผมสังเกตเห็นนักเรียนนายร้อยตำรวจเกือบ ๙๐ เปอร์เซ็นต์หลบแอบใต้โต๊ะ มีเพียง ๒-๓ คนที่ถลันวิ่งตามรถจักรยานยนต์คนร้าย แล้วผมก็แจกกระดาษให้นักเรียนแต่ละคนเขียนบรรยายตำหนิรูปพรรณคนร้ายทั้งสองคน รวมทั้งรูปพรรณรถจักรยานยนต์ มีเพียง ๒-๓ คนเท่านั้นที่บรรยายรูปพรรณคนร้ายได้บ้าง ส่วนใหญ่จำอะไรไม่ได้เลย ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่ผมได้ชี้ให้ตำรวจรุ่นน้องซึ่งจะต้องไปเป็นพนักงานสอบสวนได้ทราบว่า ในขณะเกิดเหตุการณ์ ทุกคนมีสัญชาติญาณเอาตัวรอด จะมีใครที่ไหนไปจ้องจดจำคนร้าย ฉะนั้นต้องเห็นใจผู้เสียหายหรือพยาน อย่าได้ไปคาดคั้นเกี่ยวกับรูปพรรณผู้กระทำผิดให้มากนัก

การจดจำใบหน้าคนมีหลักอยู่บ้าง คือการเอาหน้าคนร้ายไปเปรียบเข้ากับหน้าคนที่เรารู้จัก หรือกับใบหน้าของดารา คือพยายามหาภาพต้นแบบให้ได้ก่อน แล้วจำลองรูปหน้าคนร้ายว่ามีลักษณะคล้ายคลึง

มีคดีปล้นทรัพย์กลางวันแสกๆรายหนึ่ง เหตุเกิดในท้องที่ สน.บางเขน ขณะนั้นผมเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวน ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว คนร้ายชาย ๓ คนมีอาวุธปืนเข้าไปปล้นเอาทรัพย์สินไป ผู้เสียหายจำหน้าคนร้ายได้ ผู้เสียหายรายนี้บอกกับผมว่า ตอนที่คนร้ายเข้าไปในบ้าน ตอนแรกผู้เสียหายดีใจนึกว่าญาติคนหนึ่งของผู้เสียหายที่เป็นนายตำรวจ ต.ช.ด.แวะมาเยี่ยม (หน้าคนร้ายไปเหมือนกับหน้าญาติของผู้เสียหาย) ผู้เสียหายรายนี้จึงจำหน้าคนร้ายได้แม่น ยืนยันกับผมว่า หากเห็นหน้าอีกเมื่อใดจำได้ทันที รายนี้ผมได้เชิญญาติของผู้เสียหายที่เป็นนายตำรวจ ต.ช.ด. มาเป็นต้นแบบให้เจ้าหน้าที่สะเกตภาพ คนร้ายรายนี้ถูกจับได้ในที่สุด ไม่ได้ถูกจับเพราะภาพสะเกต แต่เพราะความซวยที่คนร้ายเอาหมาของผู้เสียหายไปด้วย ๑ ตัว เป็นหมาพันธ์ “ปั๊ค” ตัวเล็กๆหน้าย่นๆ ตาบอดข้างหนึ่ง คนร้ายชอบหมาเลยอุ้มเอาไปด้วยแล้วเอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้าน หมาพันธุ์นี้จำเจ้าของแม่น หลังจากนั้นประมาณ ๕-๖ เดือนโจรชุดนี้ไปย่องเบาโทรทัศน์ชาวบ้านเขาอีกตอนกลางวันเช่นกัน อาศัยตอนที่เจ้าของบ้านไปทำงาน ปิดบ้านใส่กุญแจไว้ พลเมืองดีเห็นผิดสังเกต คนแปลกหน้าเดินแบกทีวีเดินเทิ่งๆในตรอก เรียกสายตรวจมาจัดการ พอดีรถสายตรวจอยู่ใกล้จึงมาทัน ซักไซ้ไล่เลียงปรากฏว่าไม่ใช่เจ้าของโทรทัศน์จึงถูกนำตัวไปดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ เรื่องลักทรัพย์เวลากลางวันในตอนนั้นท้องที่ สน.บางเขนขึ้นชื่อลือชามาก บางหมู่บ้านโดนเกือบทุกหลังคาเรือนจนผู้เสียหายต้องเขียนป้ายบอกกับขโมยว่า ไม่ต้องเข้าไปเอาของในบ้านอีกเพราะไม่มีของมีค่าให้ขโมย มีผู้เสียหายรายหนึ่งทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้หญิง เวลาเธอไปทำงาน เธอหอบเอาทีวี หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และข้าวของมีค่าใส่รถเอาไปที่ทำงานด้วย จนทีวีหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ พวกตำรวจที่เกี่ยวข้องอับอายขายหน้า พอคนร้ายรายนี้ถูกจับได้ชนิดคาหนังคาเขา ผมให้ความสนใจมาก คุมตัวไปค้นบ้าน เจอหมา “ปั๊ค”ตาเดียวอยู่ที่บ้านคนร้าย เรียกผู้เสียหายรายถูกปล้นมาดู ผู้เสียหายรายนี้พอเห็นหมา แกเรียกชื่อหมาทันที หมาทำท่าชะงักเมื่อถูกเรียกชื่อ แล้วทันใดนั้นเองมันก็วิ่งเข้าไปหานายเก่าของมันชนิดแทบจะกระโจนเข้าใส่ โจรรายนี้เลยโดยอายัดเรื่องปล้นไปอีก ๑ ข้อหา แล้วผู้เสียหายรายนี้ยังชี้ตัวคนร้ายได้ถูกต้อง เหตุเพราะหน้าคนร้ายไปเหมือนกับหน้าญาติของแกเข้า จึงจำได้แม่น โจรรายนี้ซวยเพราะหมาแท้ๆ ปัจจุบันโจรพ้นโทษออกมาจากคุกแล้ว พบกับผมซึ่งเกษียณแล้วเช่นกัน นั่งคุยกันสนุกสนาน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ด้วยกาลเวลา

เรื่องสัจจะไม่มีในหมู่โจร จะมีโจรบางกลุ่มคัดค้านไม่เห็นด้วย ก็โจรรุ่นเก๋ากึกไง เสือดำ เสือใบ เสือมเหศวร เพิ่งออกโทรทัศน์ไปเมื่อไม่นาน โจรชุดนี้เขามีสัจจะ จะไปปล้นที่ใด โจรจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ล่วงหน้า ชาวบ้านทราบก็จะขนข้าวของมีค่ามากองไว้ โจรจะได้ไม่เสียเวลาในการค้นหาทรัพย์ และมาปล้นตามวันเวลาที่ป่าวประกาศ สมัยนั้นคงไม่มีตำรวจกระมัง โจรจึงใหญ่จัง

ลูกน้องผมซึ่งเป็นโจรงัดแงะ ลักวิ่งชิงปล้น เล่าถึงการหักเหลี่ยมเฉือนคมในหมู่โจรให้ฟัง (พวกโจรที่ผมจับได้ ยอมมาเป็นลูกน้อง หลายคนที่พ้นโทษแล้วแวะเวียนมาหา มาไถเงินบ้าง ขายข่าวบ้าง ตำรวจใช้ให้เป็นสายจับโจรอื่นต่อไปบ้าง ผมไม่เคยซ้อมหรือทุบตี พวกโจรจึงชอบ)

ตังกวย, เก่ง, ธงชัย, สงัด,สมัย เป็นแก๊งงัดแงะที่ถูกผมจับได้ ชุดนี้เกือบทั้งหมด พอพ้นโทษออกมาก็ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ผม เล่าให้ฟังว่า เคยนัดกันไปย่องเบาเอาทรัพย์ชาวบ้าน ตอนหัวค่ำจะขับรถตระเวนตามตรอกซอย ดูว่าบ้านไหนเปิดทีวีดู จะหมายตาบ้านนั้นไว้ เลือกเอาบ้านที่มีทีวีจอใหญ่ๆ แล้วก็พากันไปเที่ยวฆ่าเวลา ส่วนมากจะไปเที่ยวตามโรงน้ำชาหรืออาบอบนวด จุดประสงค์คือต้องการอาบน้ำ สระผม เพื่อไม่ให้มีกลิ่นติดตัว พวกนักงัดแงะบอกว่า เวลาย่องเข้าไปในห้องนอน หากมีกลิ่นน้ำหอมหรือครีมทาผิวติดตัวไป ผู้เสียหายที่นอนหลับจะทำจมูกฟุตฟิต เริ่มบิดตัว ซึ่งแสดงว่ามีกลิ่นแปลกปลอมเข้าไปในห้อง ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกตัว โจรชุดนี้มีธงชัยฯเป็นหัวหน้า เพราะมีทุนทรัพย์และมีรถยนต์ปิกอัพสำหรับตระเวนหาเหยื่อ แต่ขี้เหนี่ยวไม่ค่อยจ่ายเงิน มีวันหนึ่งธงชัยฯพาลูกน้องไปเลี้ยงข้าวต้มก่อนเข้าไปงัดแงะย่องเบา ทานเสร็จแล้วธงชัยฯไม่ยอมจ่ายค่าข้าวต้ม บอกว่าลืมเอาสตังค์มา ผลทำให้เก่งฯลูกน้องมือขวาต้องควักจ่ายค่าข้าวต้มไป ครั้นพอถึงเวลาจะเข้าไปขโมยของชาวบ้าน ก่อนเข้าทำงานทุกคนอึราด (ไม่ใช่อึเอาเคล็ดอะไรหรอกครับ เกิดอาการ X-CITE เนื่องจากความกลัว จะเข้าไปขโมยของครั้งใดต้องอึราดทุกครั้ง) ต้องนั่งอึข้างบ้านผู้เสียหายคนละกอง ธงชัยฯนั่งอึอยู่ข้างหน้าเก่งฯ อึเสร็จแล้วลุกไป ปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ธงชัยฯใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังล่วงพื้น เก่งฯนั่งอึอยู่ข้างหลังเห็นเข้าเก็บไป เปิดดูพบว่ามีเงินอยู่ในกระเป๋าสตางค์หลายพัน เก่งจึงหยิบเงินออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ สักพักหนึ่งธงชัยฯรู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์ตกรีบเดินค้นหาและสอบถามลูกน้อง เก่งฯบอกว่า “กูเก็บได้ นี่เอาไป ไม่มีเงินซักบาท” แล้วก็ส่งกระเป๋าสตางค์เปล่าๆให้ ธงชัยฯกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ รู้ว่าเก่งฯแอบปลิ้นเอาเงินไป แต่พูดไม่ได้เพราะประกาศไปแล้วว่าไม่ได้เอาตังค์ติดตัวมา

ความแค้นครั้งนี้ต้องชำระ นัดต่อไปโจรชุดเดิมนัดกันไปย่องเบาที่ห้องแถวย่านบางเสาธง ธนบุรี หลังจากอึคนละกองแล้วก็เริ่มปฏิบัติการ ตังกวยฯชำนาญเรื่องสะเดาะกุญแจและเปิดประตูเหล็กยืด การสะเดาะกุญแจตังกวยฯใช้เครื่องมือชื่อ “จูล่ง” ลักษณะคล้ายเคียวเกี่ยวข้าว ทำงานลักษณะคานดีดคานงัด จิกปลายแหลมของจูล่งเข้าไประหว่างตัวกุญแจกับห่วงกุญแจแล้วค่อยๆดันปลายจูล่งอีกข้างหนึ่งขึ้น สักพักห่วงกุญแจก็กระเด็นออกมา ส่วนประตูเหล็กยืดถ้าใช้กุญแจแบบรูแบนกล้วยมาก กุญแจผีทำง่าย ถ้าเป็นรูกลมแบบกุญแจยี่ห้อ “ยูเนี่ยน” กุญแจผีไขลำบาก โชคดีที่บ้านเหยื่อที่บางเสาธงใช้ประตูเหล็กยืดกุญแจเป็นรูแบน โจรพวกนี้เข้าไปได้สะดวก ธงชัยฯวางแผนให้ลูกน้องลำเลียงข้าวของมีค่าออกจากร้านโดยให้เก่งฯออกเป็นคนสุดท้าย แต่ปรากฏว่าเก่งฯยังไม่ทันได้ออกจากบ้านที่เกิดเหตุธงชัยฯรีบปิดประตูเหล็กยืดขังเก่ง แล้วเอาลูกกุญแจอีกดอกที่เตรียมมาล๊อคประตูเหล็กยืดไว้อีกชั้น เท่านั้นยังไม่พอ ธงชัยฯกดกริ่งที่ประตูบ้านผู้เสียหายดังลั่นก่อนจะขับรถจากไป ทิ้งเก่งฯไว้ในที่เกิดเหตุ แน่นอนเจ้าของตื่นเพราะเสียงกริ่ง เก่งฯถูกขังหนีออกไม่ได้ สักพักตำรวจก็มาลากเอาเก่งฯไปดำเนินคดี พวกคนอื่นๆก็หลบหนีกันไป เรื่องหนีตำรวจพวกโจรถนัด ออกหมายจับไปเถอะ ไม่มีทางจับได้ เพราะอยู่ไม่เป็นที่ และคนร้ายที่ถูกจับได้ก็จะไม่บอกรายละเอียด บอกเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ต้องให้เจ็บตัว ถึงจะแค้นเพียงใดก็จะเก็บไว้เพื่อทวงเอาคืน ไม่ยอมยืมมือตำรวจ

ผมติดตามข่าวคราวโจรกลุ่มนี้ เก่งฯพ้นโทษแล้ว แต่ไปถูกนักเลงยิงตายที่จังหวัดประจวบฯ เหตุเพราะไปโกงพนันไฮ-โลว์ให้เขาจับได้ ก็พี่แกดันผ่านิ้วตัวเอง แล้วเอาแม่เหล็กแท่งเล็กๆแต่กำลังสูงยัดไว้ในนิ้ว อุปกรณ์เล่นไฮ-โลว์ของแกก็ฝังแม่เหล็กด้วย ลูกค้าแทงอะไรแกก็ยักหนีได้หมด ลูกค้าเห็นความผิดสังเกตเอาแม่เหล็กอีกแท่งโยนเข้าไปกลางอุปกรณ์การเล่น ปรากฏว่าลูกเต๋าชุดที่กำลังเล่นกันอยู่กระเด็นไปติดอยู่กับแท่งแม่เหล็กเป็นกระจุก จากนั้นเสียงปืนขนาด ๑๑ มม.ก็ดังเป็นชุด เก่งฯก็ถึงกับกาลอวสาน ส่วนสงัดฯชาวเหนือ ตัวเล็กๆ มีความสามารถทางพลิ้วกาย เลื้อยเข้าตามประตูหน้าต่างชาวบ้าน รูเล็กรูน้อยแกเลื้อยเข้าได้หมด ด้วยความสามารถพิเศษของแก เลยถูกตำรวจกองสืบสวนนครบาลใต้วิสามัญฆาตรกรรม ตังกวยฯติดคุกยาวเรื่องปล้นร้านทอง โดนจับโดยฝีมือป๋าลอ ปัจจุบันพ้นโทษขายผัดไทยอยู่ที่หน้าวัดลำลูกบัว อ.กำแพงแสน นครปฐม ส่วนธงชัยฯยังเป็นโจร เวียนว่ายเข้า-ออกคุก เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ผมอ่านพบอยู่บ่อยๆ สมัยฯตายด้วยโรคหัวใจ คนอื่นๆหายสาปสูญ

ผู้อ่านคงจะได้ความรู้ ทั้งในด้านที่จะใช้เป็นประโยชน์ในการป้องกัน และ ในด้านวิชาโจรนะครับ.

อ้างอิงจาก : http://www.angkul007.com/knowledge-article.php?id=80

4 คำตอบ · +3 โหวต · 0 รายการโปรด · 143 อ่านแล้ว

แต่โจรสมัยก่อน ดีกว่าสมัยนี้เยอะ

ปล้นก็คือปล้น

ไม่มีมาทั้งปล้น ข่มขืน และฆ่า

ขอบคุณแหล่งความรู้ที่หามา กว่าจะอ่านจบตาลายๆ หิวเลย

+3 โหวต · 14 ตอบกลับ

บวมได้ ก็ต้อง แฟบได้คร๊าบ 55

+0 โหวต

พูดไม่ออก พี่ก็คงแพ้ปากอะ เดี๋ยวถ้าตั้งใจ หุ่นคงดีกว่านี้ ใจนะ ปิดเทอมยัง

+1 โหวต

ปิดแล้วครับ

+0 โหวต

คิดแล้วอยากเป็นโรบินฮู๊ด โจรฝรั่งอังกฤษที่พาสหายปล้นเงินคนโกงมาแบ่งปันให้คนจน

ข้อมูลค่อนข้างยาวผมจะเก็บไว้อ่านวันรุ่งพรุ่งนี้ ขอบคุณครับ

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

ผมเคยได้ยินบ่อยๆครับคำนี้จำได้ขึ้นใจเลยแต่ขึ้นชิ่อว่าโจรก้อคงจะเชื่อถืออะไรไม่ได้อยู่แล้วครับ

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม