สิ่งเดียวกัน.......และเหตุการณ์เดียวกัน

คนที่เห็นแต่ละคนกลับคิดและแปลความหมายออกมาแตกต่างกัน คุณคิดว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น.?

5 คำตอบ · +3 โหวต · 0 รายการโปรด · 327 อ่านแล้ว

เนิ่นนานมา ณ กาลนั้น...

ยินมาว่า...คุรุชราผู้หนึ่งแห่งนครตักศิลา ได้รับกุลบุตรฝาแฝดเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักพราหมณ์

ยุวกุมารทั้งสอง...ภายนอกมีความละม้ายคล้ายคลึงจนยากที่จักแยกแยะออกได้ว่า ดรุณใด...เป็นผู้พี่หรือน้อง...

ว่ากันว่าแม้แต่น้ำเสียงใส...ก็ยังมีท่วงทำนองเอ่ยเอื้อนเป็นจังหวะเดียวกัน...

ผู้พี่...มีนามว่า...ติสสะ ส่วน...กุมารน้อยผู้น้อง...มีนามคล้ายกัน...ติรถะ

ถึงแม้ทั้งสองดรุณ...จักมีความคล้ายคลึงกันมากเพียงไร...ทว่ามีสิ่งหนึ่ง...ที่แผกกัน

"สิ่งนั้น?"

มิมีผู้ใดในสำนักพราหมณ์ล่วงรู้...นอกจากคุรุชรา...ผู้เก็บงำความลับนั้นมาเป็นเพลานานหลายสิบปี...นับตั้งแต่...ราตรีแรกที่รับกุลบุตรฝาแฝดมาสู่สำนัก

ครานั้น...

พราหมณ์ชรา...ได้ตริการอย่างหนึ่งขึ้นมา...จึ่งเรียกดรุณน้อยทั้งสองเข้ามาพบเพื่อทดลองการที่ดำริอยู่ในใจ

"ผู้ใดคือ ติสสะ..."

ดรุณน้อยที่นั่งอยู่เบื้องซ้ายยกมือขึ้น...

"ตามข้ามา..."

ผู้พี่จึงเดินตามคุรุ...ตามระเบียงไม้ที่ทอดยาวไปสู่มุมหนึ่งของสำนัก...จนสุดทางเดินซึ่งเป็นฝาไม้มีรอยรูโหว่เป็นช่องเล็กๆ แต่ก็ยังพอให้ลอบลอดมองออกไปด้านนอกได้

"จงมองเข้าไปในช่องนั้น...แล้วบอกข้า ว่าเจ้าเห็นสิ่งใด"

ติสสะ...ทอดตาลอดมองเข้าไปในช่องแคบ...สิ่งที่ดรุณน้อยได้ก็เห็นคือ...ท้องฟ้าที่เดียรดาษไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ...

"เจ้าเห็นสิ่งไร..."

"เรียนคุรุ...ข้าเห็นหมู่ดาราบนฟากฟ้า...ช่างงดงามยิ่งนัก"

พราหมณ์ชรา...จดจำคำตอบของผู้ศิษย์เอาไว้แม่นมั่น...ก่อนที่จักพากลับไปยัง ณ ห้องเดิม ที่ผู้น้องคอยอยู่

"ติรถะ...เจ้าจงตามข้ามา"

เช่นเดิม...คุรุจึงพา ยุวกุมารผู้น้องไปยัง ฝาผนังปลายสุดของระเบียง...ที่ซึ่งพาผู้พี่มาเมื่อครู่...

"จงมองเข้าไปข้างในช่องนั้น...แล้วบอกข้าว่า เจ้าเห็นสิ่งไร"

ติรถะ...ทำตามคำสั่งของอาจารย์ ทอดตาลอดแลเข้าไปในรูช่องน้อยนั้น...

แต่สิ่งที่ดรุณน้อยผู้น้องเห็นคือ...โคลนตมเหลวเละที่อยู่ในปลักเลนของท้องนา...

"เจ้าเห็นสิ่งไร..."

"เรียนคุรุ...ข้าเห็นแต่เพียงตมเลน...สกปรกยิ่ง"

เมื่อได้ยินคำตอบของศิษย์น้อยผู้น้อง...พราหมณ์ชราจึงแจ้งใจ...

อันมนุษย์แม้มีรูปกาย อากัปกิริยาภายนอก...ละม้ายคล้ายคลึงกันเพียงไร...

แต่สิ่งเดียว...ที่มิเหมือน...แม้ว่าจักเป็นพี่น้องฝาแฝดคลานตามกันมา...ก็คือ...ความคิดและปัญญา...ที่แผกผิดกัน

ในช่องรูเดียว...กลับมีคำตอบเป็นสอง...

ดรุณน้อยผู้พี่...มองเห็นดารา

กุมารผู้น้อง...มองเห็นตมเลน

ความคิดมนุษย์นั้นหลากหลาย...ยิ่งกว่าจำนวนดาวที่ประดับฟ้า…

สองคน ยลตามช่อง

คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม

คนหนึ่ง ตาแหลมคม

มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว

เอามาจาก:

http://webboard.gigchat.com/view.php?topic_id=2074&category_id=14&board=1374

*

โพสต์โดย: บ้าน 80/14 เล่าเรื่องสบาย...สบาย

...จำได้ว่าสมัยยังเป็นเด็ก ได้อ่านบทกลอนบทหนึ่งและได้ท่องจำไว้ เนื้อความของกลอนบทนั้นมีอยู่ว่า

"สองคน ยลตามช่อง

คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม

คนหนึ่ง ตาแหลมคม

มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว"

...ต่อมาเมื่อได้ค้นคว้าเพิ่มเติมก็ได้ทราบว่าต้นแบบเป็นบทกวีของท่านเช็คสเปียร์ ที่ว่า

"Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star."

ถอดเป็นภาษาไทย (กาพย์ยานี 11) โดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว (ข้อมูลจาก ไทยโพสต์ 25 พ.ย. 2547 โดยคุณสุวรรณ)

...ความหมายก็คือมุมมองของคนหลายคนในเรื่องเดียว อาจมีความแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นว่าคนหนึ่งต้องมองว่าบวกอีกคนต้องมองว่าลบเสมอไป อาจจะมองทางบวกทั้งคู่ หรือลบทั้งคู่ก็ได้ ถ้าแตกต่างกันในความคิดเห็นก็จัดว่าเป็นสองคนยลตามช่องได้ทั้งสิ้น

...จนถึงปัจจุบันก็ยังคงยึดมั่นในแนวคิดนี้และนำออกมาใช้เสมอๆ โดยเฉพาะเมื่อพบกับเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งเพราะความคิดเห็นที่แตกต่าง (ยิ่งถ้าความคิดเห็นของฝ่ายหนึ่งคือเราด้วยละก้อ...จิตใจไม่ค่อยจะยอมสงบทุกที) ต้องรีบท่องกลอนบทนี้ในใจหลายๆรอบ ทำให้รู้สึกใจเย็นขึ้น ช่วยให้ใจเราเปิดกว้าง และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นได้มาก

*

โพสต์โดย: ลานปัญญา

"เรื่องสองคน ยลตามช่อง เคยยินไหม

เพียงคนนึง ใจมองฟ้า เห็นฟ้าใส

เพียงคนนึง มองต่ำลง ตรมตรอมใจ

ไม่เห็นใด นอกจากตม และโคลนดิน"

เรื่องราวเดียวกัน...บางคนหงุดหงิดว่าหาสาระไม่เจอ...ไม่มีอะไรเลย...ย้ำ!...บอกว่าไม่มีอะไรเลย

แต่บางคนกลับสืบค้นเรียนรู้เรื่องราวเดียวกันนั้นอย่างต่อเนื่อง...ศึกษาติดตามจนค้นพบตัวเอง...มองเห็นความงดงามของชีวิตและเรียนรู้ในมิติของความเป็นจริง...ปรับตัวเปลี่ยนแปลงและสร้างโลกใบใหม่ให้กับตัวเอง

+4 โหวต · 0 ตอบกลับ

เพราะจุดที่เค้ามองต่างกัน

ประสบการณ์ที่เจอมาก็ต่างกัน ทัศนคติ

+3 โหวต · 0 ตอบกลับ

การเลือกมุมที่มองต่างกัน ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ วัฒนธรรม ความเชื่อ

ที่ทำให้คนเรามีความคิด การตัดสินใจและมุมมองที่แตกต่างกันไป

เหมือนคำกลอนที่ว่า....

"สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม

คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย"

แต่ความต่างใช่มีแต่ความแตก(แยก) หากนำความต่าง การมองต่างมุม

มาคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ก็จะเปลี่ยน จากแตกแยก เป็นแตกฉาน

ซึ่งเปลี่ยนภาพลบ เป็นภาพบวก เปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาส

แล้วทุกอย่างจะเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

+3 โหวต · 0 ตอบกลับ

ขอตอบด้วยเพลงนะ

เพลงเก๊าาาา...เก่า เก่ามากๆด้วย ^_^

+2 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม