ขอความเห็น...

ไม่มีพ่อแม่ฝ่าย ญ คนไหนที่อยากให้ลูกอยู่ก่อนแต่งหรอก

แต่สังคมมันเป็นแบบนั้นจริงๆสมัยนี้ 16-17 บางคนก็มีลูกแล้ว

ยังหาเงินไม่ได้เลย

ลุงว่า... ณ เวลานี้สมาชิกในสังคมไทยจะหาดีเพียบพร้อมในทุกเรื่อง คงต้องใช้เวลาและความตั้งใจค้นหาครับ

ไปได้ด้วยดีแค่ 65%-75% ก็พอแล้ว

ยกตัวอย่าง ตัวเอง ไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เสพ ไม่เล่น แต่มักแพ้ความสวย ความดี ความน่ารัก ...อิอิ

ส่วนการทดลองอยู่ด้วยกัน ก็วินวินครับ

เราหัวโบราณค่ะ

คงจะต้องแต่งงานแล้วค่อย มีซั่มติงกัน

ไม่คุ้มค่ะ เกิดเราไม่ใช่ เข้ากันไม่ได้ เสียตัวไปแล้ว

โมดิฟาย แก้ไขความสาวความสดของเราไม่ได้นะ

แต่ก็ไม่ว่า ใครอยากอยู่ก่อนแต่ง

เปลืองตัวก็ไม่เป็นไร สิทธิ์ของเค้า

เค้าอาจคิดว่าก็ดี เกิดมาทั้งทีใช้ให้คุ้ม

แต่เรื่องนี้เราขอไม่ยุ่ง ไม่ขอใช้ซะให้คุ้ม

....................

ข้อดี ถ้าเป็นคนรักของเราจริงๆ ไม่มีการเปลี่ยนคู่อีก

ก็ถือว่าได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น รู้ว่ามีข้อดีข้อเสียยังไง จะได้ปรับตัวเข้าหากันได้

แต่ไม่มีข้อดีใดๆเลย ตอนที่จะแยกทางกัน

ยิ่งผูกพันก็ยิ่งเจ็บปวด ผญ แทนที่จะได้รอเจอคนดีๆที่เหมาะสม บางคนก็อาจไม่เปิดรับเราเป็นคนรักก็ได้ ถ้าเราผ่านเรื่องนี้มามาก บางศาสนาเคร่งมากเรื่องนี้ แล้วแต่ความเชื่อละกัน

..............................................

ข้อเสีย ของการอยู่ก่อนแต่ง

ผญ เสียเปรียบอยู่วันยันค่ำ เกิดท้องขึ้นมา จะรับผิดชอบกันไหวเหรอ สุดท้ายก็เป็นคุณแม่มือเดี่ยว หรืออาจไปทำแท้ง หรือ บางคนแค่ได้ฟันก็ทิ้ง

ผญ จะมีค่าเสมอ เมื่อ ผช ยังค้นหาเราไม่สิ้นสุด พอได้เปิดขวดโหลแล้ว ราคาในความน่าค้นหาก็น้อยลง ผช ก็ไปหา ผญ คนใหม่ ด้วยสันดาน หรือด้วนสัญชาตญาณก็แล้วแต่ เดี๋ยวนี้ ผช ดีๆ หายาก พอๆกับ ผญ ดีๆ ดีในที่นี้ไม่ใช่ว่าคนอื่นเป็นคนชั่วช้า แต่ดีทั้ง

กาย ใจ ความรับผิดชอบ มีหน้าที่ รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์ ไม่หลอกทิ้ง หายาก หรือมีก็ไม่ครบในคนเดียว

.............................................................

มีเรื่องสังเกตเรื่องนึง เกดชอบถามแม่ว่า

แม่ๆ ทำไมคนที่ได้กันมานาน อยู่ด้วยกันมานาน ใครๆก็รู้ แต่อยู่ๆก็เลิกกัน พอเค้าเจอคนใหม่ ดันได้แต่งงานในไม่กี่เดือนซะงั้น โห งงจัง อยู่กันตั้งนานแทนที่จะได้แต่งงาน หนูเจอมาหลายคู่เลยนะคะแม่

แม่บอกว่า กรรมทำให้คนเจอกัน และทำให้คนจากกันไป กรรมคือเหตุ ผลของกรรมคือผล รอว่าเมื่อไหร่ผลจะตามมา ความบังเอิญไม่มีในโลก นี่คือความจริง

ฉะนั้น เราไม่รู้เราเจอกรรมมั้ย คนนี้คือคู่กรรมมั้ย เราต้องรักนวลสงวนตัว อย่างน้อยถ้าไม่ใช่ก็แค่เลิก และมีแต่สิ่งดีๆให้จดจำ แต่ถ้าเราเสียตัวให้เค้าไปแล้ว เรายังจะภูมิใจตัวเราได้เต็มร้อยมั้ย หรือมโนคิดว่าไม่เป็นไร ใครๆก็ทำได้ อย่าลืม ร่างกายนี้พ่อแม่ตั้งใจสร้างกันมาทุกๆคน ยกเว้นบางคนที่อาจไม่ใช่ แต่คุณค่าของคนเรามีนะ อย่าดูถูกตัวเอง และอย่าให้ใครมาดูถูกเราด้วย

กรณี นี้หมายถึงดาราสาว น้ำฝน กุลณัฐ กะแฟนชาวต่างชาติ ป่าวจ๊ะ

เราว่าก็แล้วแต่คนนะ อยู่ก่อนแต่งก็ดี ถ้าไม่ใช่ก็ทางใครทางมัน แต่ะระวังอย่าพึ่งมีลูก

เราเคยเห็นญาติเรา คือชอบก็ให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ อยู่กันไปไม่นาน ก็เลิก 3 ครั้งที่พอ่แม่ไปสู่ขอเมียให้ เป็นหนี้เป็นสินเพราะการ

แต่ง 3 ครั้งอีกต่างหาก คืิอเราว่าสมัยนี้ถ้าทดลองอยู่กันแล้วมันโอเค แต่งกันทีหลังก็ได้ หลายคู่ที่ลูกโตแล้วจึงมาจัดงานแต่ง

เราว่าการแต่งกันตามประเพณีไม่ใช่สาระสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่คนสองคนจะประคับประคองชีวิตให้ไปได้ยาวแค่ไหน

แต่ทั้งน้นทั้งนั้นก็แล้วแต่คนละ บางทีมันก็เป็นการให้เกียรติผู้หญิง เอาหน้าตาพ่อแม่ด้วย เลิกแล้วแต่ง แต่งแล้วเลิก จะ

แต่งกี่ครั้งก็ได้ รึป่าว...... เริ่มยาว เขียนไปชักวกวน 55555

ไม่ว่าอย่างไรแล้ว ความสัมพันธ์ของคน 2 คนที่เกินเลย ก็จะมีแต่ "ฝ่ายหญิง" เสียเปรียบสถานเดียว

บางคนก็มีบอกว่า "ไม่เห็นเป็นไร มันเป็นความพอใจกันทั้งสองฝ่าย"

และโดยเฉพาะ ผมไม่อยากเชื่อว่ามันมาจากปากของผู้หญิงซะเอง บอกตรงๆ....อึ้งไม่หาย....!!

ไม่รู้คนที่คิดเหตุผลแบบนี้ได้ ใช้อวัยวะส่วนใดคิด?

เพราะหากพลั้งพลาด ตั้งท้องขึ้นมา ลองถามใครๆดูสิ ว่าระหว่างผู้ชายผู้หญิง ใครน่าเกลียดกว่ากัน?

แล้วไปถามผู้ชายมาได้ ร้อยละ เกือบ 100% เค้าก็รับไม่ค่อยได้ทั้งนั้น ที่หญิงสาวอันเป็นที่รักของเขาจะเคยผ่านชายอื่นมาแล้ว

ยกเว้น เค้าได้กับแม่ม่าย .....เชื่อไหมล่ะ?

แม้ปากเค้าจะโอเค รับได้ทุกอย่าง เพราะคำว่า '' รัก '' ก็จริง.......

แต่ในใจลึกๆ หรือยามที่ทะเลาะกัน เค้าอาจจะหลุดปากหลุดคำออกมา โดยที่ทำให้ใครสักคนช้ำใจไปจนตายก็ได้ ใครจะรู้

ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ชายไทยเท่านั้น พวกฝรั่งเค้าก็คิดไม่ต่างกับเราหรอกครับ

แม้จะดูว่าบ้านเมืองเค้าออกจะ"ฟรี"กันก็ตามเถอะ

ดังนั้น แล้วถ้าคิดจะ *รักกกกกกก* กันจริงๆ รักกันมาก อยากอยู่ด้วยกันจริงๆ

มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ ก็แต่งงานกันไปเลยดีกว่าครับ

ไม่มีเงินก็แค่จดทะเบียน หรือจัดงานเล็กๆของ 2 ครอบครัวก็ได้ ไม่ได้ยากอะไรเลยสิ ....เราว่าจีบกันยังยากกว่าอีก!?

โดยเฉพาะคุณผู้หญิงเอง เพื่อตนเอง เพื่อ*หน้า*ของพ่อแม่ ชื่อเสียงและวงค์ตระกูล ของตนเอง

จะทำอะไรควรคิดให้มากๆ คิดถึงผลกระทบ คิดถึงอนาคต อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบตัดสิน จะดีกว่าครับ

มันไม่คุ้มเลยจริงๆ.....

มีเคสตัวอย่าง นี่คือเรื่องจริง.....

มีรุ่นพี่ผู้หญิงในหมู่บ้าน ผมกับเธอรู้จักกันมานาน เธอเคยอยู่กับแฟนมาแล้ว 5-6ปี

ปากเธอก็บอกว่า คู่เราสบายๆ ไม่เคยคิดจะแต่งงาน อาย ไม่อยากแต่งชุดเจ้าสาว ฯลฯ สารพัด*ข้ออ้าง* ที่เธอจะพูด

.........ต่อมารักของเธอก็ต้องมีอันเป็นไป....=_=''........

คือแฟนเค้าเป็นผู้ชายที่ไม่เอาถ่าน เรื่อยเปื่อยไปวันๆ แล้วรู้สึกรุ่นพี่ผู้หญิง เค้าจีบเองด้วยซ้ำ

(ก็ประมาณว่า เห็นมีสาวมาชอบก็เอาๆมันไป)

พี่เค้าเลยค่อนข้างช้ำใจเวลาอยู่ด้วย แฟนไม่เคยเอาใจ ไม่เคยสนใจเค้าเลย

เราเชื่อว่า ในใจลึกๆผู้หญิงทุกคน แม้บางคนบอกไม่อยากแต่งงาน หรือไม่ต้องแต่งก็ได้

แต่สาวๆ ใครๆ ย่อมอยากแต่ง เพราะอะไร รู้ไหมครับ?.....

ไม่นาน เธอได้พบรักกับผู้ชายคนใหม่ คบกันไม่เท่าไหร่ เค้าขอเธอแต่งงานทันที ซึ่งเธอก็ดีใจมาก และตบปากรับคำ!!

ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ใครๆก็รู้ ว่าพี่เค้าบอกไม่ชอบงานแต่งงาน แต่นี่กลับแต่งงานได้สะงั้น

แล้วตอนนี้ชีวิตพี่เค้าก็ดีขึ้นมาก แฟนใหม่แม้จะคบกันได้ไม่นานก็ตาม....

แต่คน*มันรักกันจริงๆ* เค้าดีต่อเธอสารพัด ไม่เคยทำให้เสียใจเลย

และงานแต่งงานพี่เค้าก็ดูดีมาก อบอุ่นแสนประทับใจจริงๆ ครับ :)

www.youtube.com/watch?v=niL6YlrajQs##