ดังที่หลาน RaiNy บอกนั้นแระครับ จะสู้ร้านสะดวกซื้อไม่ได้
เพราะ เซเว่น หรือ Mini Shop พวกนี้ จะจมูกไว ถ้าหากขายได้ดีจริงๆ
หากยอดขายวันละ 6-7พัน จริงอย่างที่เค้าบอก ป่านนี้ร้านสะดวกซื้อเค้ามานานแล้ว
หากเค้ามาแล้วความน่าเชื่อถือในสินค้ามีมากกว่า เราสู้เค้าไม่ได้
แต่ถ้าอยากจะทำจริงๆ ต้องอ่านนี้ของลุงก่อน
1) เพราะจุดอ่อนของร้านชำ นั้น สินค้าไม่อาจหมุนเวียนได้เร็วเท่าเค้า
เรื่องการทำบัญชี ไม่ใช่แค่บัญชีรายรับรายจ่าย ต้องรู้จักการจัดการในเรื่องของบัญชีและคลังสินค้า
รู้จักสถิติว่า สินค้าไหนขายดี สินค้าไหนขายไม่ดี สินค้าไหน ควรสั่งเยอะ หรือควรสั่งมาน้อย
และสินค้าใดจะหมดอายุเร็ว หรือหมดอายุเมื่อใด
หากลูกค้าซื้อของหมดอายุไป เมื่อลูกค้ามาต่อว่า ก็ขอโทษและเปลี่ยนสินค้าให้โดยง่าย
สร้างความประทับใจ และเป็นการการันตี รับผิดชอบในสินค้า
2) แยกบัญชีส่วนตัว กับบัญชีของร้านออกจากกันให้แน่นอน จะได้รู้ว่ากำไรเท่าใด
3) ร้านถ้าเป็นไม้ หรือสีสันไม่สะอาดตา ให้ทาสีใหม่ เพือให้สินค้าของเราดูโดดเด่นขึ้น
และจัดร้านให้สบายตา เห็นสินค้าได้ง่ายจากหลายๆ มุม อย่าจัดสินค้ารวมเป็นกระจุกเยอะๆ
ทำให้สินค้าดูด้อย ราคาด้อยคุณภาพไป
4) หาจุดอ่อนของร้านสะดวกซื้อ ว่าเค้าทำอะไรไม่ได้บ้าง เช่น กาแฟประเภท 3in1 เราสามารถแบ่งขายได้ แต่ร้านสะดวกซื้อต้องซื้อทั้งสิบซอง ยกเว้นห้ามแบ่งขายบุหรี่เดี๋ยวจะถูกจับ
หรือร้านเซเว่นหรือสะดวกซื้อ ขายแบบตามราคาที่ติดไว้ เราก็จูงใจลูกค้า
เช่น ซื้อของ 260 บาท ลดให้ลุงละกันนะ เหลือแค่ 250 พอ
แค่สิบบาท ก็จูงใจผูกใจลูกค้าได้แล้ว
5) ผูกใจลูกค้า ด้านการบริการ อย่างลุงนี่แระ ถ้าไม่ใส่แว่น หรือใส่ คอนแท็กซ์
เวลาดูราคาสินค้าจะมองไม่ค่อยเห็น ลุงเคยถามร้านของชำร้านหนึ่ง
ว่า "ขนมปังนี้มันราคาเท่าไรล่ะหนู" ลูกสาวเจ๊ทำหน้าเมินๆ ตอบลุงว่า "ตามราคาที่ป้าย"
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นไลน์ต่อไป ลุงก็นึกว่า "บ๊ะ! ก็ลุงไม่เห็นนี่เว้ย" แล้วลุงก็เดินออกจากร้าน
ไม่ซื้อในวันนั้นและไม่ซื้ออีกต่อไป
หากจะซื้อร้านนี้ไว้ ก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยน กลยุทธในการขายไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญคือผูกใจลูกค้าแถวนั้นให้ได้ ถ้าผูกใจได้แล้ว สนิทสนมระดับหนึ่งได้แล้ว
มีสินค้าอะไรก็ตาม ลูกค้าจะชอบอัธยาศัยคนขาย ทำให้อยากเดินเข้าไปดูสะหน่อยว่าขายอะไร
6) ร้านขายของชำ อย่าขายแต่สิ่งที่เหมือนเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้ออย่างเดียว
หาขนม หาข้าวแกงถุง หาลูกชิ้นปิ้ง หรือขนมแห้งของฝากจากต่างจังหวัดมาวางไว้ก็ดี
7)ร้านของชำเป็นการเก็บกินที่ยาวนาน ไอ้ที่เจ้าของเดิมที่จะเซ้งนั้น
งานประมูลโซล่าร์เซลล์นั้น ก็อาจจะมีแค่งานไม่มากหรอก อาจมีแค่งานเดียวด้วยซ้ำ
เพราะประเทศไทยถึงจะเป็นเมืองร้อน แสงแดดแรงก็จริง
แต่ไม่ได้เป็นที่นิยมเพราะค่าใช้จ่ายสูง ความเข้มของพลังงานแสงขาเข้าต่ำ
แม้ว่าพลังงานของดวงอาทิตย์ไม่มีวันหมด แต่ความเข้มของพลังงานนั้นไม่สูง
ทำให้กรณีที่ต้อง output สูงจำเป็นต้องใช้จำนวนเซลล์แสงอาทิตย์มาก
และพื้นที่มากตามไปด้วย พื้นที่มาก ราคาค่าเซลล์แต่ละเมตรก็สูงเกินกว่าที่จะนิยมติดตั้ง
และที่สำคัญคือ เวลาไม่มีแสง ไฟฟ้าดับ เพราะตัวของมันเอง ไม่เก็บไฟฟ้า (ไม่ใช่แบตเตอรี่)
อาจมีเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่เค้าพูดมาก็ได้ครับ
ลุงว่าไม่ใช่ยอดขาย 6-7 พัน หากขายได้ทั้งเดือน ก็เกือบสองแสนแล้ว
แล้วจะเซ้งร้านไปหาสิ่งที่เป็นรายได้ไม่แน่นอนทำไมครับ
แผ่นโซล่าร์เซลล์กว่าจะขายได้ กว่าจะประมูลได้ เลือดตาแทบกระเด็นนะครับ