มีวิธีใดจะลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้บ้าง

ไม่ต้องขับ เดินไปทำงาน 555

ปรับจริงปรับจัง

ตั้งด่านทุกระยะ

ตั้งกล้องทุกวัน....55

หนักตำรวจต้องอดทนเสียงกร่นด่ากันนิสนุง

ทำผิดครั้งหนึ่ง ยึดใบขับขี่ ถามีครั้งที่สองหรือสาม ยึดใบขับขี่ตลอดชีพ ถ้าทำคนตายด้วย

ประหารชีวิต 5555 คงได้คลานกันไปละทีนี้

1.ปฏิรูปการเดินทางแบบสาธารณะให้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพให้มากขึ้นยิ่งกว่านี้...

2.บังคับกฏหมายให้ซื้อรถให้ยากกว่านี้..ซื้อรถต้องมีที่จอดรถที่สามารถสืบหาได้จริงๆ..ไม่ใช่ซื้อเอา..

ออกกฏบังคับให้ 1 คน ซื้อรถได้คันเดียว..อยากซื้อรถใหม่ต้องจำหน่ายจ่ายแจก..

หรืออะไรก็ได้ไม่ให้รถอยู่ในครอบครอง...คล้ายๆแบบญี่ปุ่น..ซื้อรถยากมากกกกก...ไม่ใช่เพราะว่าแพงนะ..

เค้าบอกว่าเอาไปทิ้งเฉยๆยังยากกว่าเอามาขายมือสองในไทยเลย..จริงๆให้ฟรีๆด้วยซ้ำ..แต่ต้องเสียภาษีเองนะ...

3.ออกกฏหมายเรื่องเมาไม่ขับให้รุนแรงมากกว่านี้โดยห้ามขับ ยึดใบขับขี่ และโทษปรับที่รุนแรงเท่ากับฆ่าคนตาย..

4.สำคัญที่สุด..ปฏิรูปวงการตำรวจใหม่ทั้งระบบ..ตั้งแต่คัดเลือกเข้า..จนถึงเกษียรณอายุ..

บางคนอาจจะว่าไม่เห็นเกี่ยวกันเลย...นี่แหละตัวปัญหาของทั้งหมดเลย..ถึงจะเปลี่ยนอะไรทั้งหมดแล้ว

แต่ถ้าคนบังคับใช้กฏหมายไม่ใช้..ทั้งหมดที่ทำมาก็ไม่มีประโยชน์...

5.ยากที่สุดในโลก..ปลูกจิตสำนึกกันตั้งแต่เด็กๆ..พ่อแม่ก็เหมือนเครื่องถ่ายเอกสารนั่นแหละ...

ลูกจะเหมือนใครถ้าไม่เหมือนพ่อกะแม่..คงต้องใช้เวลากันเป็นร้อยปีกันเลยทีเดียว..ที่จะเปลี่ยนแนวคิดทางสังคม..

ยกตัวอย่าง..ครูด่าแมร่งด่าครูคืน..ครูไม่ดี...พ่อแม่ด่า..ตี..แมร่งด่าคืน..ตีคืน..บอกพ่อแม่ไม่ดี...

*...ไปใหญ่เลย...มันเป็นปัญหาระดับโลก..ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ...ประเทศที่เจริญแล้วก็มีอุบัติเหตุ...*

ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด ขับอย่างมีสติ

ความจริงยังมีอีก ผมว่าแค่นี้คงลดอุบัติได้บ้างครับ

จะขับรถ ช้าเร็ว ไม่สำคัญ

หากว่ารั้น ขาดสติ มิชั่งใจ

ต้องรู้กฎ รู้ระเบียบ รู้วินัย

ความใส่ใจ ให้ย้ำเตือน เพื่อนร่วมทาง

( อย่าคิดว่า....ถนนนี้เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว )

มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น..>>>

> ต้องมีกฎหมาย ที่มีผล-ใช้บังคับให้เกิดผลได้จริงจัง .

> ผู้ที่รักษากฎหมาย ฯ. ( ตำรวจ-ตำรวจจราจร ) จะต้องมีระเบียบ-วินัย-ศักดิ์ศรี ฯ.

ไม่ใช้เครื่องแบบ-ตำแหน่งหน้าที่ทำการทุจริต-คอรัปชั่นต่างๆ

> ผู้ใช้รถ ต้องมีการเรียน การสอบอย่างจริงจัง ในการที่จะได้มาซึ่งใบขับขี่นั้นๆ และ

ต้องมีมารยาท มีความรู้ +เคารพในกฎหมาย กฎจราจรต่างๆแห่งการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน.

ตำรวจรักษาหน้าที่ตามกฎหมาย. >>

ความเร็ว ตามถนนในเมือง. >>

ความเร็วตามถนนไฮเวย์. >>

บนถนนไฮเวย์ ตรวจจับความเร็วด้วย เรดาห์. >>

นีคือคำแนะนำ จากความคิดของผมเองโดยตรงนะ

ง่ายๆครับ ไม่ยากเลย ก็เพียงมีแค่ 3 ข้อเอง ซึ่งก็จะมี.........

1 ปฏิบัติตามกฏหมายและกฏจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่มักง่าย ไม่คึกคะนอง มีสติตลอดเวลาในขณะขับรถ

2 หากเดินทางไกลๆ ไม่ไหวจริงๆ ก็หยุดพักเอาแรงสักหน่อย ดีกว่าไม่ได้พักเลย

3 หมั่นตรวจสอบสภาพของรถก่อนเดินทางบ้าง ถ้ามีโอกาส เพื่อความมั่นใจ และความปลอดภัยในขณะเดินทาง

เพียงแค่ 3 ข้อ ที่ผมแนะนำมา.........หากทำได้จริงๆ เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้วล่ะครับ.........

ปล. อย่าลืม.....ใบขับขี่และคู่มือ ต้องมีติดรถอย่าให้ขาด เพราะกฏหมายจราจรเดี๋ยวนี้แรง ตำรวจคุมเข้มกว่าเดิม

อิอิ........

ขับรถเร็ว น่ะลุงว่าอยู่ที่วัยมากกว่า

ลองแก่เหมือนลุงแล้วจะขับช้าลง

เหตุผลก็คือ หากเกิดอุบัติเหตุ คนที่เราดูแลอยู่ใครจะดูแลเค้าได้ดีเท่าเรา

และรถปัจจุบันนี้ ความเร็ว มากกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมงเยอะแยะไป

ที่เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยก็คือ

รถที่เเซงซ้ายแซงขวา แล้วแซงระยะใกล้ ๆ รถเรา หรือแซงขึ้นตรงคอสะพานข้ามถนน

รถที่เลี้ยวออกจากซอยแต่กำลังพูดโทรศัพท์ไปด้วย โดยไม่ใช้ Small talk หูฟัง เลี้ยวออกโดยเร็วเลยไม่ดูว่ามีรถทางขวาวิ่งมาไหม

รถที่ขับไปช้าๆ ในเลนขวา ยกเว้นถ้าจะเข้าเลนเลี้ยวกลับรถ

รถที่ขับไปมักจะมองกระจกหลังบ่อยๆ นี่ ทำให้การมองภาพข้างหน้าขาดช่วงไปบ่อยๆ และพวกขับด้วยความเร็วและคุยกับแฟนที่นั่งข้างไปด้วย (อันนี้ลุงอิจฉา) เมื่อมีรถหรือคนเดินตัดหน้าจะเบรคไม่ทัน

พอรถติดไฟแดง พอไฟเขียวปั๊บ รถที่อยู่คันหลังรีบบีบแตรเร่งให้เราขับออกไปเร็วๆ

เห้อ! ลุงก็ขับเร็วตั้ง 20 ไมล์ต่อชั่วโมงแล้วนะ 555

คำเดียว สามัญสำนึกค่ะ

คนเรา ถ้ามีสิ่งนี้ สติก็จะมา

ทุกคนไม่ได้โง่ กินหญ้า รู้กฎหมายกันดี ตามีไม่ได้บอด

เห็นป้ายบอก เห็นเลนส์ถนน เห็นรถข้างๆ

แต่ไม่มีสามัญสำนึก อย่าพึ่งไปคิดถึงจิตสำนึกเลยค่ะ

ขนาดเราในฐานะคนข้ามถนน ทางม้าลายก็มีไฟกำกับ รถยังไม่เบาให้คนข้ามเลย ต้องทำป้าย กรือกราบมั้ย ถึงให้ข้าม

หรือต้องสร้างสะพานลอยตามตรอก ตามซอย แทนทางม้าลาย คนอย่างเราจะได้ข้าม

สรุป สามัญสำนึก มีกันหรือยังในฐานะผู้ขับขี่ทั้งหลายหน่ะค่ะ