ทักทายครับหลานอินทรา แล้วที่รู้มาคืออะไรครับหลาน แต่นี้คำตอบลุงคือที่ลุงรู้มาครับ
คำถามนี้่แยกได้หลายเรื่องราวเลยทีเดียวนะหลาน
ประการแรกน่ะในคำถาม
( เพื่อนฉันอยู่จังหวัดเลย ที่บ้านแกฝนลงหนักทั้งวันทั้งคืน ท่านๆทั้งหลายบอกว่า น้ำท่วม ต้องรีบทิ้งลงแม่น้ำโขง)
คำตอบคือ ...น่าเสียดาย และน่าอิจฉาสำหรับคนภาคกลาง แทนที่จะไหลมาที่ภาคกลาง กลับไหลไปตามพรมแดนไทย - ลาว คือไหลจาก จังหวัดเลย ไปหนองคาย ไปนครพนม ไปมุกดาหาร ไปอำนาจเจริญ และไปสุดพรมแดนไทยที่อุบลราชธานี น่าจะไหลได้ไกลถึง 976 กิโลเมตรเลยนะหลาน
ประการที่สอง (ฉันละงงไก่ตาแตกเลยจ้า แถวภาคกลาง ลุ่มเจ้าพระยาเจอแล้งหนัก)
คำตอบคือ.... ต้องรู้ก่อนว่าทำไมฝนตกไม่ทั่วฟ้า ทำไมภาคอิสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ฝนตกน้ำท่วม
แต่ภาคกลางฝนไม่ค่อยตกดินแห้งแตกระแหง และทำไมกรุงเทพถึงฝนตกน้อยกว่าที่อื่่น
ก็เพราะภาคกลางมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันจากรถยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรม ครับหลาน
ทำไมฝนตกไม่ทั่วฟ้า เหตุผลก็คือ ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวดินฝุ่นละอองที่มีเป็นลักษณะเก็บน้ำได้ และคุณภาพอากาศ
หรือมวลสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศแตกต่างกัน ที่มีป่าไม้ต้นไม้มากก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ฝนตกได้ดี
"ฝุ่นบางชนิดเก็บน้ำ เช่นฝุ่นจากทะเลจะเป็นเกลือ" เกลือมีคุณสมบัติดูดความชื้นเก็บไว้ได้ดี ทำให้ภาคใต้ฝนตกชุก
แต่"ฝุ่นที่ไม่เก็บน้ำ" เป็นฝุ่นที่ได้จากโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งภาคกลางมีเยอะ และฝุ่นละอองจากการเผาไหม้
เช่นการเผาหญ้าเตรียมปลูกข้าว ฝุ่นละอองพวกนี้ละที่ไปค้างอยู่ในบรรยากาศ
ฝุ่นไม่เก็บน้ำไปเจอกับมวลสารอินทรีย์ระเหยง่าย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่บริเวณนั้น เช่นภาคกลางฝนจะตกน้อยกว่าภาคอื่น ๆ
ประการที่ 3 .....(ทำไมล่ะจ๊ะ ไม่หาทางผันน้ำ ชักน้ำเข้าสายน้ำ ลำคลอง ลงห้วย หนอง คลอง บึง ขุดลอกทางน้ำตามธรรมชาติที่ทุกวันนี้ปล่อยให้ตื้นเขิน แถมรุกล้ำที่แผ่นดินเอามาเป็นตัวเอง (หน้าด้านจ้า) ให้ไหลลงลุ่มเจ้าพระยา)
คำตอบคือ.... การตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ เป็นเหตุทำให้ฝนตกน้อยลงได้เหมือนกัน
หรืออาจเป็นเพราะการบริการจัดการน้ำที่ผิดพลาดในเรื่องการระบายน้ำ
เช่น น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 กักเก็บน้ำไว้ล้นเขื่อนจึงต้องระบายออก
และในปี 2555 ก็เลยกลัวน้ำท่วมอีก รีบระบายน้ำออกจากเขื่อนไม่ให้น้ำในเขื่อนมีมากไป
อีกทั้งยังมีการทำนา ปีละ 3-4 รอบ บริเวณพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้น้ำในเขื่อนไปเกินความจำเป็น
ทำให้น้ำในเขื่อนไม่พอในปี 2557 ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำในเขื่อนหมดไปเร็วกว่ากำหนด
ทำให้ในปี 2558 นี่แระเหตุที่น้ำหมดเขื่อน คูคลองเเห้งจนเห็นสันดอนกลางแม่น้ำลำคลอง
แต่ต่อไปจะมีข่าวดีเรื่องการจัดการน้ำในประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อไม่กี่วันมานี้ รัฐบาลหรือ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ หรือ กบช.
ได้มีมติที่จะแก้ภัยแล้งไม่มีน้ำใช้ และป้องกันน้ำท่วมในภายภาคหน้า
โดยจะมีโครงการ 2 โครงการ ที่จะผันน้ำจากแม่น้ำนานาชาติ ทั้งแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำโขงมาเติมเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์
แนวทางปฎิบัติตามยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำของประเทศ ระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2569 (ลุงตายก่อนแน่ๆ 555) เพื่อแก้ปัญหาน้ำให้ทั่วถึงทั้งประเทศ แต่งบประมาณทั้งสองโครงการนี้ เป็นงบประมาณที่สูงมาก ประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยไม่สามารทสร้างเขื่อนได้อีกแล้ว เพราะติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาพื้นที่ป่าสงวน และบ้านเรือนประชาชน จึงต้องหาวิธีผันน้ำจากแม่น้ำนานาชาติมาใช้
โครงการที่ 1 -แม่น้ำสาละวินของเมียนม่าร์มาเติมและที่เขื่อนภูมิพลที่สร้างปิดกั้นลำน้ำปิง ที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ซึ่งท่านผู้นำเมียนม่าร์ยินดีให้ความร่วมมือ แต่การดำเนินการค่อนข้างยาก เพราะต้องเจาะภูเขาเพื่อวางท่อนำน้ำมาเขื่อนภูมิพล ระยะเวลาทำการน่าจะประมาณ 4-5 ปี
โครงการที่ 2 - แม่น้ำโขง มาเติมที่ เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สร้างกั้นแม่น้ำน่าน แต่สำหรับแม่น้ำนานาชาตินี้จะยากหน่อย เพราะ “ต้องผ่านมติของคณะกรรมการแม่น้ำโขง 6 ฝ่ายก่อน”
เพราะเนื่องจากเป็นแม่น้ำนานาชาติ ซึ่งคนในลุ่มน้ำโขงทุกประเทศ ถือว่า “แผ่นดิน แม่น้ำ ฟ้าเดียวกัน”
ทำให้มีพันธสัญญาของคนลุ่มน้ำโขงว่า
“การกระทำใด ๆ ต่อแม่น้ำโขงซึ่งจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ประมง ที่อยู่อาศัยและทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม แหล่งอารยธรรม ต้องให้ความสำคัญในการกำหนดและตัดสินใจโดยคนท้องถิ่น หรือคนที่มีวิถีชีวิตอยู่กินกับแม่น้ำตลอดลำน้ำโขง”
พันธสัญญานี้น่าจะทำหลังจากที่จีนสร้างเขื่อนเขื่อนเซี่ยวหวาน บนแม่น้ำโขงของจีน ซึ่งมีความสูงเกือบ 300 เมตร เป็นหนึ่งในเขื่อนที่สูงที่สุดในโลก ทำให้ปริมาณน้ำจากแม่โขงที่ไหลลงทะเลก็น้อยลงกว่าเดิม 14 % ในฤดูฝน และในฤดูอื่นๆ น้อยลงไปถึง 40%
ส่วนเรื่องอื่น ๆ เรื่องการขุดลอกคูคลองนั้น ก็ดีนะเป็นการป้องกันน้ำท่วมได้ แต่งบประมาณยังไม่น่าจะมี
เรื่องการขุดคลองเพิ่มในปัจจุบันก็ยังไม่มีเพราะปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้การเดินทางๆ น้ำกันแล้ว
แต่แม่น้ำในประเทศไทยมีหลายสายอยู่แล้วแต่ฝนไม่ตกจึงแห้งแล้งกันไปจนเห็นสันดอนกลางน้ำ
การผันน้ำไปทางโน้นทางนี้ น่าจะมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติครับ
เช่น แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่แยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดชัยนาท
เมื่อไหลผ่านจังหวัดชัยนาทจะเรียกว่าแม่น้ำมะขามเฒ่า
ไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี เรียกแม่น้ำสุพรรณบุรี
ไหลผ่านจังหวัดนครปฐมเรียกแม่น้ำนครชัยศรี
ก่อนออกไปสู่อ่าวไทย กลับมาเรียกแม่น้ำท่าจีนอีกครัังครับหลาน น่าสนุกไหม
ลุงได้แถม แผนที่การผันน้ำ สายหลักของประเทศไทยลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามาให้หลานดูครับเป็นความรู้