โดยตามหลักการ สามารถฟ้องศาลได้ครับ....
แต่ที่แน่นอน คืิอ เสียเวลา และถือว่า '' ไม่คุ้มเสีย '' ครับ ไม่ว่าจะเป็น...ค่าธรรมเนียมศาล ค่าคำฟ้อง
ค่าพยานหลักฐาน การสืบพยานจากเอกสารและตัวบุคคล ค่าจัดหาทนาย...
และถ้าคุณมั่นใจว่าไม่ผิดจริงๆ และต้องการจะฟ้องร้องต่อศาลจริงๆ
คุณก็สามารถนำใบสั่งไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน. เพื่อขอปฎิเสธข้อกล่าวหา ได้เลยครับ....
ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำคุณไว้ พร้อมหลักฐานที่มี ก็ถ่ายสำเนาเป็นหลักฐาน ให้เขาไป
ส่วนพนักงานสอบสวนก็จะต้องทำการสอบสวนทั้งสองฝ่าย
และหลังจากนั้น........ค่อยส่งฟ้องศาลครับ หากคุณต้องการฟ้องร้อง จริงๆ....
หากศาลตัดสินว่าคุณไม่ผิด คุณก็สามารถจะฟ้องกลับตามมาตรา 157 ได้ครับ
ซึ่งตามมาตรา 157 ของ ป. อาญา บัญญัติไว้ว่า....
'' ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ''
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนเรื่อง '' การประกันตัว '' ไม่ต้องครับ
เพราะเป็นแค่ข้อหาด้านจราจร ตาม พรบ จราจรทางบกฯ เป็นคดีลหุโทษ มีอายุความ 1 ปี เท่านั้น
สรุป........
หลังจากสอบปากคำจากพนักงานสืบสวนเสร็จ ก็นัดฟ้องศาลได้เลย.........
แต่....ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการ ตามที่กล่าวมาจากข้างต้นแล้ว...
แต่ส่วนใหญ่.......คนเขาไม่ค่อยจะเอาเรื่องฟ้องร้องกันสำหรับเรื่องนี้ สักเท่าไหร่...
เพราะจะประนีประนอมยอมความกัน '' ในชั้นสอบสวน '' มากกว่า.....
ยกเว้น......เป็นเรื่องร้ายแรง ที่ต่อเนื่องกันมา และคิดว่า '' ไม่น่าจะจบ ''
เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียง และสิทธิเสรีภาพ ของบุคคลนั้น
ถึงจะฟ้องร้องใน '' ชั้นศาล '' ต่อไป.........
ขอให้โชคดี