เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า..
ช่วงนี้ผมมีเหตุให้ต้องซื้อพาวเวอร์แบงค์มาใช้ ซึ่งมันก็สะดวกสบายดีครับ
พอแบตในมือถือใกล้หมดเราก็แค่หยิบสายชาร์ตพาวเวอร์แบงค์มาต่อ มันจะก็เติมแบตให้เราทันที แต่ปัญหาของผมก็คือ
ในขณะที่ผมใช้พาวเวอร์แบงค์ชาร์ตไฟใส่มือถือทุกวัน ผมกลับมักชอบลืมชาร์ตไฟให้กับพาวเวอร์แบงค์
ไม่รู้เพื่อนๆเป็นเหมือนผมรึเปล่า ซึ่งมันก็สะกิดให้ผมคิดถึงเรื่องบางเรื่อง..
เหตุผลข้อหนึ่ง ของการมีความรักก็คือ เราอยากแน่ใจว่า ในวันที่เราเหนื่อยหมดแรง ท้อแท้กับปัญหา
เราจะยังมีใครคนหนึ่งที่คอยยืนอยู่ข้างๆเรา ให้กำลังใจเรา
หรือช่วยเหลือเราให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาแย่ๆไปได้เหมือนกับเรากำลังมองหาใครสักคน..
ที่เป็นเหมือน "พาวเวอร์แบงค์" ส่วนตัวของเรา
วันไหนที่เรา "แบตหมด" เราก็จะหยิบมันขึ้นมา"ชาร์ตไฟ" ให้กับเรา
ให้เรามีพลังที่จะทำอะไรได้ต่อไปแต่ก็อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นนั่นแหละครับ
สิ่งหนึ่งที่เรามักมองข้ามหรือลืมนึกถึงก็คือ
"พาวเวอร์แบงค์" เองก็ต้องการการชาร์ตไฟเช่นกัน
และถ้าเราลืมชาร์ตไฟให้กับมันนานๆวันหนึ่งมันก็คงไม่หลงเหลือพลังงานอะไร
ที่จะมาส่งต่อให้กับเราได้อีก ใครคนนั้นของคุณก็เช่นกัน ในขณะที่คุณต้องการกำลังใจ
อย่าลืมนึกถึงเขาว่าเขาเองก็อาจต้องการกำลังใจเช่นกัน
ความรัก..คือการผลัดกันส่งมอบความรู้สึกดีๆให้แก่กัน ไม่ใช่การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รอจะรับ
และคาดหวังให้อีกฝ่ายต้องให้อยู่ตลอดเวลา ใครสักคนของคุณ ก็คงไม่ต่างอะไรไปกับ
"พาวเวอร์แบงค์" ในกระเป๋าของคุณ ลองหยิบมันขึ้นมาดู แล้วถามมันสิครับว่ามันต้องการอะไรบ้าง
มันต้องการแค่การใส่ใจ ทะนุถนอมมันบ้าง หมั่นชาร์ตไฟให้มันบ้าง
เหมือนที่มันคอยชาร์ตไฟให้คุณทั้งวัน ทะนุถนอมมันบ้าง อย่าเที่ยวทิ้งขว้าง
หรือทำมันตกบ่อยๆ อย่ารอให้ต้องรู้ถึงคุณค่าของมัน ในวันมันเสียไป
หรือหายไปจริงๆ เอาใจใส่คนรัก เหมือนที่เขาเอาใจใส่เรา
อย่าปล่อยให้วันหนึ่งเราหยิบพาวเวอร์แบงค์ขึ้นมาชาร์ต แล้วพบว่ามันไม่มีพลังงานอะไร..หลงเหลือยู่อีกต่อไปแล้ว...
#นิทานก่อนนอน
ที่มา : เฮ้ย คมมากขอยืมไปปอกมะม่วงหน่อย
(ติดตามนิทานได้ทุกคืนวันอาทิตย์)
