พริกพันธุ์นี้คนอเมริกันเรียกแบบสุภาพว่า ชิลลี่ วิลลี่
(Chilli Willy) แต่มีชื่ออีกหลายอย่าง อาทิ พีเตอร์ เพพเพอร์
(Peter Pepper) รวมทั้ง พีนิส เพพเพอร์ (Penis Papper)
peter เป็นภาษาสแลง หมายถึง ไอ้จู๋เช่นกัน ที่อ้างถึง
ชาวอเมริกันก็เพราะเจ้าพริกกะจู๋ (ขออนุญาตเรียกสั้น ๆ นะครับ) เป็นพืชพื้นเมืองของดินแดนอาณาบริเวณที่ตั้งรัฐเท็กซัสและหลุยเซียน่าในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเกือบไม่มีคนท้องถิ่นคนใดได้เคย
เห็นหรือรู้จัก เพราะแทบสูญพันธุ์ไปแล้ว จะมีอยู่ก็เฉพาะตามบ้านเรือนผู้สนใจในการทำสวนและสะสมพันธุ์พืชพื้นเมืองที่ปลูกไว้ตามเรือนกระจกของตนเท่านั้น
เจ้าพริกรูปร่างประหลาดและสวยดีในสายตาของบางคนนั้นมีขนาดความยาวระหว่าง 7.5 – 10 เซนติเมตร มีทั้งสีแดง เขียว ส้มและเหลือง เลยทำให้รอดจากการสูญพันธุ์ เพราะมีคนหามาปลูกเป็นไม้ประดับ แต่จะเอามากินดิบๆ สดๆ แบบพริกขึ้หนูบ้านเราไม่ได้เพราะมันเผ็ดมาก เผ็ดขนาดที่เรียกว่า “ทาบาสโก” ต้องชิดซ้าย และเผ็ดกว่าพริกเม็กซิกันเป็นสิบเท่าเลยทีเดียว
ที่ Peter Pepper กลับมาเป็นที่สนใจกล่าวถึงอีกในปัจจุบัน เพราะมีหนุ่มอเมริกันชาวเมืองลาฟาเยท รัฐหลุยเซียนาคนหนึ่งชื่อ ฟิล เกรมิลเลียน ได้เก็บเม็ดพริกพื้นเมืองนี้มาจากพ่อแล้วเอาไปเพาะเล่น ตอนแรกเขาตั้งใจจะปลูกไว้ดูเล่นในสวนหลังบ้าน เพราะมันสีสวยและหน้าตาแปลกดีเท่านั้น
แต่หลักจากปลูกเล่น ๆ พอมีเยอะเข้าเขาจึงลองเอาไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงมาปรุงกับพืชสมุนไพรอื่น ๆ ทำเป็นผงชูรส ตามแบบพื้นเมืองเคจุน (Cajun) เสร็จเอาไปบรรจุขวดแจกญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ได้ลองลิ้มชิมรส ก็ปรากฏว่ารสชาติรสชาติถูกอกถูกใจกันเป็นแถว เกรมิลเลียนจึงตัดสินใจปลูกพริกกะจู๋เพื่อการค้าขึ้น และเขาได้เปิดบริษัทชื่อ Papa Jeaberts Inc., เพื่อผลิตผผงชูรสนี้โดยเฉพาะ
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/359023