คำถามที่ถูกเก็บไว้
ถามคำถาม

เรือไททานิคจมเพราะ อุบัติเหตุ หรือ คำสาป ..........

ผมอยากรู้เรือไททานิคจมเพราะ อุบัติเหตุ หรือ คำสาป กันแน่ครับ มีใครรู้บ้าง ..........

ว่ามีตำนานที่เล่าต่อๆกันมาอาจจะไม่น่าเชื่อสำหรับใครบางคนแต่มันเป็นเรื่องจริง!!!

ดังที่ทราบกันว่าเรือไททานิคนั้นอัปปางโดยการชนก้อนน้ำแข็งและจมหายไป ในมหาสมุทรพร้อมชีวิตผู้คนอีกมากมาย โดยตำนานไม่ได้กล่าวถึงมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-รา(Amen-Ra)ที่ใต้ท้องเรือว่าเกี่ยวข้อง

กับสาเหตุการจมแต่อย่างใด

เจ้าหญิงอาเมน-รา

แต่ทว่าหนัวสือพิมพ์บางฉบับกล่าวถึงเรื่องการอัปปางของไททานิคว่าเกิดจากคำสาปมัมมี่ที่อยู่รูป ของสินค้าในเรือแห่งนี้ พ่อค้าที่ขาดจิตสำนึก ได้ลอบนำมัมมี่เข้าสู่อเมริกา เพื่อต้องการขายมัมมี่แก่พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก ตามที่ได้ตกลงราคาเป็นมูลค่าที่สูงถึง 500000ดอลลาร์ เขายังได้ตกลงแบ่งเงินจำนวนนั้นให้แก่หัวขโมยที่ลักลอบโจรกรรมสุสานแห่งนี้ โดยที่การลักลอบโจรกรรมครั้งนี้เทพอนูบิสทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่งจากการที่มเหสีของฟาโรห์ถูกลักลอบขโมยไปและขายให้พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กสเหมือนเป็นการหมิ่น พระเกียรติฟาโรห์อย่างมหันต์ ดังนั้นเพื่อจัดการทำลายล้างพวกที่ไม่เคารพ เทพอนูบิสจึงจมเรือไททานิคเพื่อให้มัมมี่จมลงสู่ทะเลพร้อมกับเรือแระผู้โดยสารโชคร้ายทุกคน นั่นคืออำนาจคำสาปแห่งเทพเจ้า ยังมีตำนานที่เล่าขานกันเพิ่มเติมว่า มัมมี่ได้ถูกนำขึ้นไปไว้อย่างปลอดภัยบทเรือชูชีพที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ในขณะที่เรือไททานิคกำลังจมสู่ท้องทะเล จากนั้นได้มีการขนส่งต่อไปยังนิวยอร์ก แต่กลับเกิดเหตุประหลาดมากมาย จนทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตักสินใจส่งกลับคืนสู่อียิปต์ด้วยเรือ เอ็กซ์เปรส ออฟ ไอร์แลนด์(Express of Ireland)และสุดท้ายเรือลำนี้ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตของลูกเรือทุกคน การอัปปางครั้งนี้มัมมี่ไม่ได้จมอยู่กับเรือหากแต่สามารถกู้ขึนมาได้โดยเรือชูชีพหลังจากนั้นมีความพยายาม ที่จะส่วมัมมี่กลับสู่อียิปต์อีกครั้งด้วยเรือลูซิทาเนีย ซึ่งก็อัปปางลงอีกจากฝีมือตอร์ปิโดในสงครามโลก แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมัมมี่ที่ดำดิ่งสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับสัมภาระต่างๆของเรือลูซฺทาเนีย ด้วยเหตุนี้จึงมีการพิพากษ์กันว่า เคราะห์กรรมของไททานิคนั้นเนื่องมาจากคำสาปของมัมมี่จนเป็นตำนานที่เล่าขานที่โจษขานกันไม่รู้จบ

เจ้าหญิงอาเมน-รามีพระชนม์ชีพในช่วงประมาน 1500 ปีก่อน ค.ศ.เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ จวบจนในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ1890กลุ่มหมาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขายโลงบรรจพระศพมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-ราที่ประดับตกแต่ง อย่างอลังการนี้

เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัลล็อตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลง พระศพมัมมี่เนราคาหลายพันปอนด์และ ได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่2ชั่วโมงต่อมาเขาได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งในสามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัวแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้ทั้งหมดเมื่อเดินทางกลับสู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว จนต้องออกมาขายไม้ขีดไฟตามท้องถนน

อย่างไรก็ดี โลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทางหลังจากที่มัมมี่อยู๋อยู่มาอยู่สมาชิกในบ้านของนักธุรกิจนี้ 3 คนประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและบ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นตัดสินใจบริจาคฌลงอาถรรพ์แก่พิพิธพันฑ์อังกฤษ แต่ขณะที่ย้ายลงจากรถบรรทุกในบริเวณสนามของพิพิธภัณฑ์รถก็พลิกคว่ำ แล้วพุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณ ละแวกนั้น พอสิ้นความวุ่นวาย และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์2คนกำลังกำลังขนบพระศพขึ้นบันไดนั้น คนหนึ่งเกิดพลาดตกลงมาขาหัก ส่วนอีกคนไม่เป็นอะไรแต่อีก2วันต่อมาเขากลับเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ ครั้นเมื่อพระศพมัมมี่เจ้าหญิงประทับในห้องแสดงอารยธรรมอียิผต์ หายนภัยที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น

ยามรัษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ได้ยินเสียงกระทุ้งโลงอย่างรุนแรง และมีเสียงกุกกักปึงปังยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุ ยามคนหนึ่งได้ตายระหว่างรักษาการณ์ เป็นเหตุให้ยามคนอื่นๆอยากลาออก แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดพลอยไม่อยากเข้าใกล้โลงพระศพ

ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์มือบอนคนหนึ่งนำผ้าขี้ริ้ววางปิดภาพใบหน้าที่วาดบนโลงอย่างลบหลู่ หลังจากนั้นลูกของผู้เข้าชมอุตริผู้นั้นตายด้วยโรคหัด ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้เคลื่อนย้ายพระศพมัมมี่ไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดิน ด้วยความคิดที่ไม่ต้องการให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไปแต่ในอาทิตย์เดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเคลื่อนย้ายโลงพระศพก็ล้มป่วยลงด้วยอาการขั้นตรีทูต รวมทั้งผู้ดูแลการเคลื่อนย้ายก็เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่านักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยถ่ายรูปโลงมัมมี่เอาไว้แล้วนำไปล้าง ภาพนั้นมีใบหน้ามัมมี่ที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนฝาโลงพระศพ ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปในห้องนอน และยิงตัวตาย ไม่นานจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ได้ขายมัมมี่ให้แก่นักสะสมเอกชน และหลังจากที่เคราะห์ร้ายความตายเกิดขึ้นต่อในครอบครัวทำให้นักสะสมผู้นั้นนำโลง พระศพไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา

ต่อมา มาดาม เฮเลนนา บลาวาตสกี ผู้วชาญโด่งดังด้านเรื่องเร้นลับได้มาเยือนอาคารที่เก็บมัมมี่อาถรรพ์ ขณะที่เข้าสู่อาคารเฮเลนาเป็นลมจับไข้ตัวสั่นเหมือนโดนผีเข้า จากนั้นจึงค้นหาที่มาของอำนาจชั่วร้ายที่มีพลังรุนแรงอย่างน่ากลัว ในที่สุดเฮเลนาก็มาหยุดอยู่ที่ห้องใต้หลังคาและได้พบกับโลงมัมมี่เจ้าของบ้านขอร้องเธอ ช่วยให้ช่วยขับไล่อำนาจปิศาจมัมมี่ออกไป

"ปิศาจนั้นย่อมเป็นปิศาจชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้ ฉันขอให้คุณรีบกำจัดปิศาจร้ายนี้โดยด่วน" ทว่าไม่มีพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษแห่งไหนยอมรับมัมมี่เลย เนื่องจากข่าวที่แพร่ว่า มีคนตายถึง20คนแถมยังประสบเหตุเคราะห์ร้ายและหายนะจากการเก็บรักษาหรือ เกี่ยวข้องกับโลงพระศพมัมมี่นี้ตลอม10ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่โจษขานกันถึงอำนาจชั่วร้ายนี้

ในที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่ ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก สั่งให้ขนส่งสมบัติชิ้นใหม่นี้มาให้ในเดือนเมษายนปีค.ศ.1912 โดยเรือโดยสารของบริษัทไวท์สตาร์ ลำใหม่ที่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รามาสู่นครนิวยอร์ก

ในราตรีของคืนที่14 เมษายนปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-ราพาผู้โดยสารอีก1500คนสู่ความตาย ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่า เรือไททานิค ที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง

เรือไททานิค เรือที่กล่าวกันว่าไม่มีวันจม แต่ถ้าคนรู้ว่าขนย้ายบพระศพก็คงจะกลัวกันแล้วไม่กล้าขึ้น

เรือไททานิคเที่ยวแรกออกเดินทางจาก เซ้าแธมป์ตัน สู่นิวยอร์ค วันที่

15 เมษา คศ 1912 แล้วทั่วโลกก็ต้องตะลึงกะข่าวที่ว่า

เรือไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งอัปปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารเสียชีวิต 1498 คน

ชะรอยเจ้าหญิงองค์นี้คงต้องการอยู่อย่างสงบ ปราศจากการรบกวน

เธอจึงเลือกท้องน้ำที่ลึกที่สุดพร้อมด้วยบริวารติดตามอีก 1498 คน

5 คำตอบ · +2 โหวต · 0 รายการโปรด · 1,076 อ่านแล้ว

เกิดจากความประมาททั้งนั้น

เพราะความประมาทไม่เกี่ยวกับดวงชะตา หรือคำสาปอะไรหรอก

+3 โหวต · 0 ตอบกลับ

เพราะความประมาท..เป็นเหตุปัจจัยหลัก..

ความทะนงตนของคนออกแบบและผู้สร้าง..

และสาเหตุที่สำคัญที่สุด..เพราะยามมัวแต่มองแจ็คกะโรสนี่แหละ...ถถถถถ...(อันหลังเอาฮานะอย่าคิดมากก..)

+2 โหวต · 0 ตอบกลับ

คนไทยน้อยคน

ที่จะได้มีโอกาสไปเที่ยวเช่นนั้นได้ หรือบางคนมีเงินพอที่จะไปได้เขาก็ไม่ไป เพราะเขาไป

สนใจเรื่องอื่นมากกว่า คนมีเงินมิได้ชอบเที่ยวทุกคนหรอก บางคนมีความสุขกับการทำงาน

และได้ผลตอบแทนที่ดี โดยมิต้องไปหาความสุขจากสิ่งอื่น นอกจากใช้เวลาที่มีเวลาว่าง

อยู่กับครอบครัว เรื่องคำสาปอะไรนี่เป็นเรื่องโม้มากกว่า จนนำมาสร้างหนังเกี่ยวกับคำสาป

หารายได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ดูสนุกๆไป ยุคนี้คงไม่มีใครเชื่อเรื่องคำสาปหรอกค่ะ เราเคยไปเห็นมัม

มี่ที่พิพิธภัณฑ์ไคโร ในอียิปต์ ยืนดูอยู่คนเดียวเอง เพราะไม่มีใครชอบห้องนั้น อาจกลัวมั้ง 555

ส่วนมากจะแห่กันไปดูโลงศพทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนกันซะส่วนมาก

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

เรือไททานิค จมลงเพราะ อุบัติเหตุ. >>>

เรือไททานิค. > พุ่งชนภูเขาน้ำแข็ง > Iceberg. ที่มีอายุเก่าแก่มากราว 1000 ปีก่อนคริสตกาล.

> เนื่องจาก ภูเขาน้ำแข็งนั้น ส่วนที่โผล่พ้นน้ำ มีเพียงแค่ 30% อีก 70% อยู่ใต้น้ำ และในสมัยก่อน การเดินเรือ ไม่มีเครื่อง โซน่า > Sonar. ที่จะบอก-ชี้-จุดพิกัดต่างๆใต้น้ำ.

> Titanic struck an iceberg and sank within three hours, not any weakness in the ship itself or not any kinds of curse.

+0 โหวต · 0 ตอบกลับ
เค้า

แกถ้ามันขี้โม้มันไม่ควรมาอยู่ในบทเรียน ม.4 อะ จริงปะ

+0 โหวต · 1 ตอบกลับ

หมายถึงเรื่องอะไรครับ เรื่องนี้ หรือเรื่องอื่น ????

+0 โหวต

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม