คือวัน ......
^
^
^
^
^
ยาวนิดนึงค่ะ แฮะ ๆ .... สวัสดี
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ใครหลายคนคงจะนึกถึงแต่วันแห่ง ความรัก หรือวันวาเลนไทน์ ที่ทุกสื่อส่วนใหญ่ต่างภูมิใจ นำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วย
สีสันแห่งความยินดีกับวันนี้กันอย่างครบเครื่อง
และ 14 กุมภาพันธ์ ประเทศไทย ก็มีวันราชภัฏ ที่ได้ถือกำเนิดจากวิทยาลัยครู ในสังกัดกรมการฝึกหัดครู ขึ้นเป็นสถาบันราชภัฏ และได้เติบใหญ่
พัฒนามาเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏในทุกวันนี้
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2535 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วิทยาลัยครูทั่วประเทศ ซึ่งแต่เดิมเป็นวิทยาลัยวิชาชีพที่เปิดสอนเฉพาะทาง ผลิตครูแต่เพียง
อย่างเดียว ให้สามารถขยายขอบเขตการจัดการศึกษาได้หลากหลายมากขึ้นในลักษณะสหวิทยาการ แต่ถ้าหากยังใช้ชื่อวิทยาลัยครูอยู่ ย่อมมี
คำถามมากมายจากสังคม
นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี ยุคนั้น จึงได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานนามวิทยาลัยครูใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล
และให้สอดคล้องกับภารกิจใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามใหม่แก่วิทยาลัยครูทุกแห่งว่า สถาบันราชภัฏ เมื่อ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 เป็นต้นมา และยังได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญตรา
พระราช ลัญจกรส่วนพระองค์ เป็นสัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏทั่วพระราชอาณาจักร
ดังนั้น ความหมายของรูปต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในสัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ ไม่ว่าจะเป็น ฉัตรขาวเจ็ดชั้นที่ตั้งบนแท่นแปดทิศ รูปวงจักร
สัญลักษณ์ของศาสตรา รูปอุณาโลม คือ สัญลักษณ์แห่งปัญญาที่ไม่มีแสงสว่างใดเสมอเหมือน
ส่วนรัศมีทอง 32 แฉก คือ สัญลักษณ์ของพลังแห่งความจริงที่เปล่งประกายความดี ความงามออกไปเพื่อความเจริญมั่นคงและยั่งยืนให้เกิดกับ
ท้องถิ่น และสีทั้ง 5 คือ สีน้ำเงิน สีเขียว สีทอง และสีส้ม นั้นล้วนมีความหมายที่มีพลังสูงค่าทางจิตใจและเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น
สัญลักษณ์ดังกล่าว เป็นเสมือนเครื่องกำกับทิศทางและอุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้ไหลวูบวาบตามกระแสที่มากระทบ
ใจ จนทำให้เกิดความหวั่นไหวท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง วันนี้สังคมสงสัยว่าราชภัฏ สักกี่แห่ง เข้าใจ เข้าถึงความเป็นราชภัฏเพียงใด
อ่านต่อได้ที่: http://www.kruwandee.com/news-id30714.html