กลับไปยังคำถาม ข้อคิดที่ได้จากคดี นายหนุ่ย ติ๊งต่างที่ก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่าเด็กอายุ 5 - 6 ขวบ มาแล้วหลายราย.......ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
ถามคำถาม

ในคำตอบ

บอกตรงๆนะครับ......'' ผมไม่เห็นด้วยเลย กับคำตัดสินจากคดีนี้ ''........=_=''...........

แต่ทำไงได้........เพราะพวกเราไม่ใช่ศาลและเรือนจำไงครับ............

โดยที่แน่ๆ.....เหตุผลจากคำตัดสิน มันมี '' ขั้นตอน '' ในตัวของมันดังนี้ คือ.......

หน้าที่ของศาล คือ ตัดสินคดีไปตามกฎหมาย

ซึ่งถือตามหลักกระบวนการของ '' กฏหมายอาญา + กฏหมายวิอาญา '' ของไทย

โดยตามหลักกฎหมายอาญา + วิอาญา ได้กำหนดว่า......'' หากจำเลยรับสารภาพ ศาลลดโทษลงได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง ''

ก็สามารถให้ความหมายคือ............เพียงแค่จำเลยสารภาพ ก็ได้รับการ '' ลดโทษของ 1 ใน 3 '' ได้แล้ว.........

ซึ่งถือเป็นรางวัลที่ลุแก่โทษ หรือ สำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไปของจำเลย

เมื่อศาลตัดสินคดีจบ.. และคดีถึงที่สุดแล้ว หน้าที่ศาลก็ถือว่า......'' จบลงโดยสมบูรณ์ ''

ซึ่งไม่ถือว่า อยู่ในอำนาจของศาลอีกต่อไป..........

ส่วนการจะลดโทษ อภัยโทษ เท่าใดเพียงใดนั้น ก็ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแล้ว

แต่เปลี่ยนไปอยู่ในอำนาจฝ่ายปกครอง ฝ่ายบริหารแทน คือ '' เรือนจำ '' นั่นเอง.......

ฉะนั้น.....จำเลยถูกขังในเรือนจำ จำเลยถูกปล่อยตัวก่อน หรือ ได้รับการลดโทษผ่อนโทษ เปลี่ยนแดน เปลี่ยนงาน

จึงถือเป็นการอยู่กินของจำเลย แบบเฉพาะตัว

สรุป.....ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น........

จึงถือได้ว่า..........กฏหมายประเทศไทยยังคงอ่อนแอ ไม่เด็ดขาดรุนแรงพอ และยังมีช่องว่างอีกมากมาย

ซึ่งเกินกว่าที่จะจัดการกับ '' อาชญากร '' ทั้งหลายในประเทศและนอกประเทศไทยได้

แถมยิ่งได้ข่าวมาว่า.........กำลังจะยกเลิกโทษประหารตามที่ นักสิทธิมนุษยชนร้องขอ ในเมื่อไม่กี่ปี ที่ผ่านมา

ย่อมส่งผลทำให้........เหล่าอาชญากรในประเทศและนอกประเทศ เหิมเกริมได้ใจ ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายไทย

โทษประหารจริงๆ พอถึงฏีกาก็ขออภัยโทษเพิ่มไป ก็อาจได้แค่จำคุกตลอดชีวิต

พอถึงวันสำคัญจริงๆ ก็ได้รับการลดหย่อนโทษ ปฏิบัติตัวดีก็ได้รับการลดโทษลงมาอีก........

ติดจริงๆ ก็ไม่ถึง 10 ปีเลย จากนั้นก็ออกมามี '' อิสรภาพ '' กันอีกครั้งแล้วครับ.........

จริงๆแล้ว.....'' โทษประหาร '' ไม่ได้เอามาใช้จริงๆ หลายปีแล้วครับ ยิ่งหลังจากเปลี่ยนจากยิงเป้ามาเป็นฉีดยาแทน

ฉะนั้น.........อาชญากรทั้งหลาย จึงไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายไทยกันมากขึ้น.....

ตัวอย่าง.........ถ้าหากบ้านเราเด็ดขาดจริงๆ อย่างสิงคโปร์ มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเราแท้ๆ

เพียงแค่คิดก็ '' ขนลุก '' แล้วครับ

เพียงแค่ก่อคดี '' ลักทรัพย์ '' ก็ถูกจับตัดสินให้ตัดมือ โบยตี ติดคุกขังลืม..เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.....^^..........

ยิ่งโทษที่เป็น '' ความผิดต่อชีวิตและร่างกายของบุคคล '' ล่ะก็......

ซึ่งถือว่า.......เกินสาสมกว่าการกระทำแน่นอน 100% ครับ..........

........ขอบคุณครับ........

+1 โหวต · 2 ตอบกลับ

ขอบคุณที่เห็นด้วยครับ

เหตุผลที่ผมสามารถตอบมาได้เหตุผลเช่นนั้น

ก็เพราะผม พอจะรู้ขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรมของกฏหมาย ว่าเป็นยังไง..???

และที่ผมตอบมานั้น มันคือกุญเแจสำคัญ ที่เฉลยไปในตัวว่า

ทำไมผู้ต้องหาหรือจำเลย ถึงได้พ้นโทษ หรือได้ลดโทษ.????

แม้คดีอาญาบางคดี จะเป็นคดีร้ายแรงก็ตาม........

จะว่าไปแล้ว หากมองโดยภาครวม ถือว่ากฎหมายไทย '' อ่อนแอ '' จริงๆครับ

ถ้าคนตัดสินเที่ยงธรรมจริง จะรู้จัก '' พลิกแพลง '' ตามเจตนารมย์ของเรื่องความปลอดภัยในสมัยนี้ ให้มากกว่านี้บ้าง

โดยที่ไม่ยึดติดตามหลักเกณฑ์ที่มีแต่ดั้งเดิมมากจนเกินไป

เพราะการยึดติดหลักเกณฑ์มากเกินไป มันเปรียบเสมือน '' ดาบสองคม '' ดีดีนี่เอง

มิเช่นนั้น กฏหมายไทยคงไม่อ่อนแอ อย่างที่เห็นจริงๆครับ

โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตประชาชนนี่อ่อนแอเหลือเกิน........=_=''.........

เช่น ข่มขืน ฆาตกรรมต่อเนื่อง ฆาตกรรมแบบจงใจ ถือว่าเป็นคดีร้ายแรง จนเกินที่จะตัดสินให้ลดโทษจริงๆ

ไม่ว่าจะสารภาพยังไงก็ตาม ตามหลักกฏหมายควรบัญญัติไว้ว่า '' ห้ามลดโทษและห้ามรอลงอาญา '' ด้วยซ้ำไป

+0 โหวต

ตอบได้โดนต่อมผมมาก ( เห็นด้วย...อย่างยิ่งยวด ) คดีบ้านเมืองเรามันถึงได้เยอะ เยอะ เยอะ และก็โครตเยอะ ต่อให้สร้างคุกมากเท่าไหร่ มันก็ไม่พอกับคดีที่ยังจะมีเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ แน่นอน ถ้ากฎหมายไทยยังห่วยแตกแบบนี้ !!!! กรรมของคนไทย ( ที่ดีดีจริง ๆ ว่ะ ) บอกตรง

+1 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ