คำสมาส
- การย่นนามศัพท์ตั้งแต่สองคำขึ้นไปให้เป็นคำเดียวในภาษาบาลีและสันสกฤต การสร้างคำสมาสในภาษาไทยได้แบบอย่างมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต โดยนำคำบาลี-สันสกฤตตั้งแต่ 2 คำมาต่อกันหรือรวมกัน
เช่น..วัฒน + ธรรม = วัฒนธรรม
สาร + คดี = สารคดี
พิพิธ + ภัณฑ์ = พิพิธภัณฑ์
กาฬ + ปักษ์ = กาฬปักษ์
ทิพย + เนตร = ทิพยเนตร
คำสนธิ
-คำสนธิในภาษาไทย หมายถึง คำที่มาจากภาษาบาลี – สันสกฤตมาเชื่อมต่อกัน ทำให้เสียงพยางค์หลังของคำแรกกลมกลืนกันกับเสียงพยางค์แรกของคำหลัง
เช่น..วิทย+อาลัย = วิทยาลัย
พุทธ+อานุภาพ = พุทธานุภาพ
มหา+อรรณพ = มหรรณพ
นาค+อินทร์ = นาคินทร์
มัคค+อุเทศก์ = มัคคุเทศก์
.........
ชัยภูมิ..คำที่นำมาสมาสกันแล้ว ความหมายหลักอยู่ที่คำหลัง ส่วนความรองจะอยู่ข้างหน้า เช่น
ยุทธ (รบ) + ภูมิ (แผ่นดิน สนาม) = ยุทธภูมิ (สนามรบ)
ส่วน..
ชัยนาท..เป็นคำสมาสบางคำไม่อ่านออกเสียงสระท้ายพยางค์ของคำหน้า (ไม่อ่านออกเสียงอย่างสมาส)
คำที่เป็นชื่อจังหวัด ไม่อ่านออกเสียง “อะ” ท้ายพยางค์ของคำหน้า ตัวอย่างเช่น
ชลบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ปทุมธานี ปราจีนบุรี ลพบุรี สกลนคร
สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี อุดรธานี อุทัยธานี
ชื่อจังหวัดที่ต้องออกเสียงอย่างสมาส อ่านออกเสียง “อะ” ท้ายพยางค์ของคำหน้า ตัวอย่างเช่น
เพชรบุรี อ่านว่า เพ็ด-ชะ-บุ-รี
เพชรบูรณ์ อ่านว่า เพ็ด-ชะ-บูน
ราชบุรี อ่านว่า ราด-ชะ-บุ-รี
...แล้วก็ยังมีคำที่อ่านเหมือนสมาส..แต่ไม่ใช่สมาสอีก..ไว้ต่อคราวหน้าก็แล้วกันนนะ...