ในคำตอบ

ต้องลองถามใจดู ว่าเหตุที่กลับมา เพราะอะไร

อยากกลับมาอยู่ใกล้บ้าน หรืออะไร

แต่เมื่อมีคนมาทาบทาม ก็ต้องชั่งใจอีกที ว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้

กับงานที่จะไป อยากทำงานไหนมากกว่ากัน

อะไรคือปัจจัยหลักในการตัดสินใจ สองงานที่ว่า

ต้องมีสักงาน สักเหตุผล ที่ค่อนข้างเหลื่อมๆกันอยู่

เมื่อนำมาเทียบกัน คงเทียบไม่ได้ ถ้างานนั้นต่างกัน

ในด้านประสบการณ์ ความถนัด ความต้องการ ความอยาก(ทำ) ณ ตอนนี้

ส่วนตัวคิดว่า...การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ได้ยากนัก ลองเอาเหตุผลที่กลับมา

ไปประกอบกับเหตุผลอื่นๆดู ว่างานไหนใช่ที่สุด

(พูดไปพูดมาก็งงเอง เอาเป็นว่าแนะนำได้เท่านี้)

+4 โหวต · 18 ตอบกลับ

ช่าย น่ารักจริงๆ หม่ำอย่างสามัคคี

+1 โหวต

น่ารักเนอะ

+1 โหวต

ช่ายย พร้อมกันมาก 👍

+1 โหวต

เห็นแล้วรู้สึกได้เลยว่า

สามัคคีหม่ำขนาดไหน

+1 โหวต

น่ารักอร่า

+1 โหวต

ถูกต้องงง

+1 โหวต

ตามประสาคนจริตตรงกัน ก็อยากร่วมงานกันอย่างที่ว่า

+1 โหวต

จ้ะ

คนที่เชียร์ คือ คนที่อยากให้เราไปอยู่ใกล้ๆ กัน เข้าใจนะ ว่าคนจริตตรงกันก็อยากพบปะ พูดคุย ร่วมงานกันเพราะสบายใจ

+1 โหวต

คงต้องหารายละเอียดให้ดีอย่างที่ว่า เพราะมีแต่คนห่วง หลายคนก็คงจะรู้ข้อมูลบางอย่างมา ก็เลยมาบอก

ไม่รู้ว่าไปแล้ว จะเป็นอย่างที่หวังไว้หรือเปล่า สรุป...คงต้องคิดดูให้ดีดี (อยากแนะนำ แต่ไม่มีความรู้ด้านนี้)

เอาเป็นว่าให้เชื่อคนที่มาบอก และใช้วิจารณญาณอีกที

แต่ถ้าไปแล้ว ไม่มีโอกาสก้าวหน้า จะไปไหม เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่า.....ไปแล้วจะเป็นยังไง ได้แต่สันนิษฐาน

ในที่นี้......สายตรง ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว

+1 โหวต

เรายังนิ่งๆ อยู่นะ หลายคนไม่เห็นด้วย แล้วก็ให้หารายละเอียดให้ดี โอกาสก้าวหน้าก็ต้องคำนึง ไปแล้วอยู่กับที่หรือเอาเราไปใช้งานแต่ไม่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในการงาน ซึ่งเราไม่ใช่ลูกหม้อเขา คงก้าวหน้ายากอย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละ เราถามคนที่รู้จักเขาอยู่ปกครองจังหวัด ก็บอกว่าหน้าที่ใน ศอบต. น่าจะเอื้อกับคนที่ทำงานส่วนปกครองเพื่อเติบโตไปเป็นผู้ว่า รองผู้ว่ามากกว่า (เราก็เข้าใจแหละว่าเขาเป็นสายตรง เราแค่สายสนับสนุน)

+1 โหวต

ยินดีเป็นอย่างยิ่ง 😀

แน่นอนอยู่แล้วว่า...ต้องคิดแบบนั้น เพราะชีวิตที่นั่นไม่แน่นอน ความตายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อยู่บนความเสี่ยง ยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะที่นั่นคือบ้าน เมื่อเลือกแล้ว

ก็ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัว คนในพื้นที่คงไม่ค่อยมีความเสี่ยง นอกจากจะสร้างสถานการณ์

ใช่ เราก็ว่างั้น น่าเห็นใจมาก ไม่รู้ว่าตอนไหนถึงจะกลับเป็นปกติเสียที จะได้อยู่กันอย่างสงบสุข

ไม่ต้องคอยระวัง ระแวงใคร ไม่ต้องมีการสูญเสีย ไม่อยากให้มีอีกแล้ว

น่าสงสารคนที่ต้องเอาชีวิต อนาคต ไปทิ้งที่นั่น ข่าวการสูญเสียมีไม่เว้นแต่ละวัน

เราว่าคนในพื้นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่ากลุ่มเป้าหมายนะ นอกจากจะเป็นคนที่มีหน้าที่ การงาน (ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น)

ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ขนาดคนในพื้นที่นะเนี่ย คนธรรมดา อาจไม่ค่อยเสี่ยง ด้วยว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ก็เลยต้องเสี่ยงไปด้วย

แต่คนที่ไปจากที่อื่น อาจเป็นเป้าก็ได้ มาก-น้อย อยู่ที่หน้าที่ การงาน แต่ก็เสี่ยงอยู่ดี

เราว่าเป็นความสุขที่พยายามทำให้เป็นมากกว่านะ (สุขแบบพยายาม) เพราะสถานการณ์แบบนั้น เราเองคงไม่มีความสุข

แต่ทำไงได้ เมื่อเราเลือกแล้ว ก็ต้องมีความสุขให้ได้ เรียนรู้ที่จะอยู่ และพร้อมยอมรับผลที่จะตามมา

พกปืน อาจรอดในวันนี้ วันหน้าไม่แน่ ถ้ามาเจอกับกลุ่มหรือคน เดิม เหมือนอยู่ด้วยความหวาดระแวง น่าเห็นใจมาก

แล้วตัดสินใจหรือยัง........

+1 โหวต

ยังไงก็ขอขอบคุณนะ

คนในพื้นที่คิดอย่างนี้ทุกคน " เมื่อถึงคราว ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ยังไงคงต้องยอม"

สำหรับที่นั่นทุกวันขณะอยู่นอกบ้านก็มีความเสี่ยงนะ คนที่นั่นต้องรู้อยู่ และระวังตัวตลอดเวลา เราเห็นใจเขานะ ทั้งประชาชน ทั้งราชการ เรื่องการใช้ชีวิตในพื้นที่เสี่ยงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ อธิบายไปก็ยาว

แต่คนในพื้นที่ก็มีความสุข บนวิถีแห่งความระมัดระวังตัว ทุกวันทั้งกลางวัน และกลางคืน การพกปืนเป็นเรื่องปกติ

+1 โหวต

ขึ้นชื่อว่าพื้นที่สีแดงแล้ว ยังไงก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดได้ มีความเสี่ยง เพราะไม่รู้ว่าวันไหน

เรื่องแบบนั้นจะมาถึงตัวเรา งานที่ทำ ไม่รู้ว่าวันไหนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่

คนอื่นบอกว่าไม่อันตราย... ถามว่าเชื่อได้มั้ย ก็เชื่อได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงที่มีอยู่ลดลงได้

พูดง่ายๆก็คือวันนี้ไม่อันตราย วันหน้าอาจอันตราย แต่อันตรายน้อยกว่ากลุ่มเป้าหมาย

ทุกวันนี้ ไม่สิ... เราก็ไม่แน่ใจว่ามีเกิดตั้งแต่ตอนไหน พระก็อันตรายเหมือนกันนะ ไม่รู้ทำไม

ไม่รู้ว่าพระไปทำอะไรให้ หรือเพราะคนละศาสนาเท่านั้น จึงทำให้พระหวาดกลัวไปด้วย (พูดตามที่ดู ฟัง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ)

ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ที่มีคนบอกไว้ว่า...เมื่อไม่ถึงคราว ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ไม่ว่าอยู่ที่ไหน

แต่เมื่อถึงคราวแล้ว ทุกทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ทางที่ดีเราควรอยู่ห่างๆ จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยง

เมื่อรู้ว่าเสี่ยง แต่ยังทำ อาจเรียกได้ว่าประมาท

คนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวหน่อยเหรอ... คำพูดนี้อาจเคยได้ยิน

แต่ทำยังไงได้ ก็คนเรามีคนที่ต้องดูแล ต้องห่วงเป็นเรื่องธรรมดา

สุดท้าย......คุณเป็นคนตัดสินใจเอง (ที่เราพูดมาไม่มีความหมาย)

+1 โหวต

จ้ะพื้นที่สีแดง

ซึ่งที่มี่เราเพิ่งจากมาก็เป็นพื้นที่สีแดงนะ แต่งานเราไม่ได้เป็นเป้าหมายชัดเจน เพราะไม่ใช่ครู ทหาร ตำรวจ อส. แต่งานที่เราจะไปคงลงพื้นที่มากกว่าเดิม เข้าชุมชน และเดินทางบ่อยๆ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง แต่พี่ที่ชวนบอกว่าไม่อันตราย เพราะเน้นหนักที่ประชุมและมอบให้คนในพื้นที่ปฏิบัติ เรามีหน้าที่ดูแล ติดตาม และส่งรายงานถึงส่วนกลาง

+1 โหวต

งั้นต้องชั่งใจดู ว่าการได้อยู่ใกล้พ่อแม่ กับ งานที่มีคนทาบทาม อะไรมีน้ำหนักกว่ากัน

ลองเอาหลายๆเหตุผลมาประกอบกัน จนได้สิ่งที่ใช่ที่สุด

การได้กลับมา ได้มาทำงาน พัก อยู่ใกล้ๆพ่อแม่ ด้วยมีเหตุผลลึกๆในใจ

ถ้าสิ่งที่ตอบโจทย์ไม่ใช่เงินล่ะก็....การทำงานที่เดิมก็ดีนะ ประสบการณ์เกิดขึ้นได้ทุกที่

บางทีที่เดิมไม่ใช่ว่าจะเจอแต่อะไรเดิมๆ แต่อย่างว่าถ้าเป็นองค์กรใหม่ ย่อมเจอประสบการณ์ใหม่ๆ

เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่เป็นอยู่ ก็น่าสนใจเช่นกัน

ได้ข่าวว่าที่ที่จะไปเป็นพื้นที่สีแดงไม่ใช่เหรอ.....

นี่น่าจะช่วยตัดสินใจได้พอสมควร ว่าควรเลือกอะไร

ต้องลองคิดดูว่าเสี่ยงหรือเปล่า จะยอมเสี่ยงไหม คุ้มกับที่เสี่ยงไหม

+1 โหวต

เหตุที่กลับมาเพราะพ่อแม่

งานที่ถูกทาบทามทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดโลกทัศน์ เปลี่ยนไปอยู่กับองค์กรใหม่

เราเป็นคสชอบเนียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไง เลยอดสนใจไม่ได้

+1 โหวต

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ