sex .. ที่ไม่ตรงกับใจ

ตอนคบกัน ก็สังเกต สังกา

ทดสอบ อะไรบ้าง

บางทีมันก็เดาทางเรื่อง sex ได้อยู่

แต่ถ้าเราแต่งแล้วดันผิดคาด

ก็คงถามว่า เธอจะเลือกเรา หรือเธอจะเลือกมัน

เหมือนพวกเลือกเหล้า บุหรี่ มากกว่าเมีย

ก็ปบ่อยไปเถอะ แต่ก็ควรแก้ไข ปรับตัวกันก่อน

มากันคนละครึ่งทาง สมมุติสามีต้องการมาก

ชอบเปลี่ยนท่าอีกต่างหาก ก็ลองปรับตัวดู

สามีก็ลองลดลงดูบ้าง ไม่ใช่ไม่ยอมกันเลย

บางทีเรายังเป็นสัตว์มนุษย์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้

แต่สำหรับความรู้สึกของผมนะ sex มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรัก

แต่จะต้องตกลงปลงใจกันทั้ง 2 ฝ่ายจริงๆ

เพราะหากไปขัดขืนใจกัน ไปบังคับกัน มันก็ไม่ต่างจากดาบสองคม จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลเสีย.....

และไม่ว่ายังไงก็ตาม สำหรับคนอื่นผมไม่รู้หรอกนะ

แต่สำหรับผมแล้ว...........ขอความรักที่ดี ที่บริสุทธิ์ และความเข้าใจ มาก่อนคำว่า sex. ก่อนเสมอ

ไม่อยากให้มันมามีอิทธิพลกับชีวิตคู่มากจนเกินไป เพราะมันไม่ต่างจากหมกมุ่นในกามารมย์

ชีวิตคู่ มันจะไม่มีความสุขเลย.....

แต่ถ้าถึงเวลา อันสมควรจริงของธรรมชาติ มันจะมาของมันเอง เช่น การพร้อมจะมีบุตรด้วยกัน.....

ฉะนั้น.....sex ไม่ใช่คำตอบของความรัก เสมอไป.....

สำหรับผู้ชายนะ เรื่องเซ็กส์ สำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยหล่ะ

เราเคยตั้งกระทู้ถามมาแล้ว ช. บอกแฟนไม่ค่อยได้อย่างใจ

ก็เลยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นตอนแฟนกลับบ้านไปหาพ่อแม่

แต่สำหรับเรา ความรักมากกว่าเซ็กส์นะ ไม่มีเซ็กส์แต่อยู่กับคนที่เรารัก

ได้ดูแลกัน ได้ไปไหนด้วยกัน เป็นเพื่อน

เป็นคู่ชีวิตที่จะไม่ทอดทิ้งกันในยามทุกข์สุขก็พอแล้ว

แต่จะมีสักกี่คนคิดอย่างเราบ้างน้อออ.... ขอมือหน่อย..!

ผมมองอยู่ที่ช่วงวัยเป็นหลัก :-

วัยเด็ก ซุกซนปนฮาว่าไป

วัยรุ่น ค้นหาขว้าไขว่...ได้ลอง

วัยทำงาน พาลวุ่นกรุ่นสมอง

วัยทอง คะนองสิ้น ฟินพึ่งยา

( มีบางคนเท่านั้น !!! ที่มากมายลายพร้อยเชียว !!! )

สนใจเรื่องของชาวบ้านเค้าด้วย....555

งั้นถ้าคนเราที่เป็นคบกันแต่ยังไม่แต่งกันและไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องนี้ เราควรต้องมี sex กันก่อนแต่งงั้นหรอ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หากบรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นการกระทำที่ถูกต้อง

สังคมของชาวตะวันตก มี Sex กัน ตั้งแต่ยังไม่จบ ไฮสคูล ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาๆ

พอเข้า วิทยาลัย – มหาวิทยาลัย เค้าก็ย้ายออกจากบ้านพ่อ-แม่ไปใช้ชีวิตที่รับผิดชอบเองทุกอย่าง

และเริ่มต้นชีวิตใหม่คือ อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง.

และ เมื่อเรียนจบ ชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันมา ติดเกรด เกียรตินิยม ( ไปกันได้ ) จึงมีการแต่งงานกัน ติดตามมา. .

>>> เหตุผลที่ว่า ทำไม ? การอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง จึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุ และผล.

( สังคมของชาวตะวันตก )

1. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ. >

ค่าบ้านเช่า-คอนโด-อพาร์ทเม้ทน์-อาหาร-ของใช้ต่างๆภายในที่พัก และค่าใช้จ่ายต่างๆ

ในการที่จะต้องเดินทางไปพบกัน ราคาค่าใช้จ่ายทุกอย่าง สามรถ นำมา หารสอง.

2. สามารถเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน. >

ไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันนานแค่ไหน ? ทั้งสอง สามารถเรียนรู้ อุปนิสัยทุกๆอย่างซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี

ตลอด 24/7 และยังอาจจะได้เห็น+รับรู้ ในสิ่งที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด พยายามปกปิดไว้ ซึ่งจะทำให้ได้ดิดว่า

จะสามารถยอมรับได้หรือไม่ เช่นว่า อาจจะซุกซ่อน อันเด้อร์แวร์ ที่ใช้แล้ว ไว้ใต้เตียง.

3. มีส่วนร่วมกันในความรับผิดชอบ. > .

ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ในภารกิจที่จะต้องกระทำ การใช้ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น เครื่องซักผ้า ฯ. ซึ่งจะต้องรู้จักช่วยกันทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้เสร็จ ตามขั้นตอน หรือ อาจจะต้องมีการซ่อมแซมบางสิ่งบางอย่าง มีความคิดช่วยกันแก้ไข เปรียบเหมือนการทำงานเป็นทีมเวิร์ค.

4. เป็นความสุขในรูปแบบหนึ่ง ที่ได้เริ่มต้นชีวิตด้วยกัน. >

ที่ได้ ใกล้ชิดกัน พบเห็นกันทุกวัน ช่วยกันคุ๊กอาหาร+ทานพร้อมกัน นั่งดูทีวีรายการโปรดด้วยกัน และแม้กระทั่งช่วยกันถูสบู่ อาบน้ำพร้อมกัน หมดความกังวน ไม่ต้องคอยทวงถาม วัน-เวลา-สถานที่ ที่จะนัดพบกัน อีกต่อไป ซึ่งบางครั้งก็มีเหตุต้องบอกยกเลิกนัดในวินาทีสุดท้าย ทุกทีๆ.

5. เป็นบททดสอบ ความสัมพันธ์ ที่มีต่อกัน. >

เพราะการที่ได้ใกล้ชิด-อยู่ร่วมกัน การเอาใจใส่ดูแลกันและกัน และการมี > SEX. < ต่อกันเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง สิ่งต่างๆที่แสดงออก ต่อกันและกัน จะบ่งบอกถึงตัวตนแห่งบุคคลผู้นั้นได้ชัดเจน เป็นการบอกล่วงหน้าให้รู้ได้ว่า แผนการแต่งงานนั้น ได้ถูกวางไว้บนถนน. > ฟรีเวย์. < ที่ไม่จำกัดความเร็ว.

@ > Live together before marriage is a good reason to do it.