เอาแล้วสาเหตุของการซุบซิบ(เฉพาะของผู้หญิง)เกิดจากยุธิษฐิระ สาปเอาไว้ว่า
"ความเชื่อในสาเหตุของการซุบซิบ(เฉพาะของผู้หญิง)มีบันทึกอยู่ในมหากาฬ “มหาภารตะ” ซึ่งถูกแต่งขึ้นประมาณ 400-300 ปีก่อนคริสกาล(บางแหล่งเชื่อว่ามีอายุมากถึง 800 ปีก่อนคริสกาล) ซึ่งพูดได้ว่าข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุของการชอบซุบซิบของผู้หญิงนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนคริสกาลเลยทีเดียวและเชื่อว่าคนแต่งก็น่าจะติดใจสงสัยเรื่องนี้ไม่น้อย
มหาภารตะ เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งของสองตระกูลสายเลือดกษัตริย์แห่งกรุงหัสตินาปุระ ระหว่างตระกูลเการพและตระกูลปาณฑพซึ่งนำโดย ยุธิษฐิระ(ยุทธ ธิ ที ระ) และน้องชายอีก 4 คนรวมเป็น 5 พี่น้อง ซึ่งความขัดแย้งได้นำไปสู่สงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรที่พ่อลูก ลุงป้า น้าอา ปู่หลาน ญาติพี่น้อง ศิษย์อาจารย์ เข้าเข่นฆ่ากันเอง จากกองทัพหลักล้านเหลือรอดชีวิตมาเพียงสิบกว่าคนเมื่อจบสงคราม
หลังจบสงครามก็มีการจัดพิธีศพและอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต ขณะที่จัดพิธีอยู่พระนางกุนตีแม่ของพี่น้องปาณฑพทั้ง 5 ก็เดินเข้ามาหายุธิษฐิระเพื่อบอกว่ายังมีร่างไร้วิญญาณอีกหนึ่งร่างที่ยังไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้
ยุธิษฐิระได้ฟังสักพักก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร นั้นก็คือกรรณะที่บุตรและญาติพี่น้องตายหมดสิ้นไปแล้วจึงไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้ (บางเวอร์ชั่นเล่าว่ายังมีบุตรของกรรณะเหลืออยู่ 1 คน)
ยุธิษฐิระไม่พอใจแม่มาก กรรณะถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของพี่น้องทั้ง 5 เป็นคนวรรณะต่ำที่ริจะมาเทียบวรรณะกษัตริย์ จึงถามแม่กลับไปว่าทำไมพวกตนต้องไปทำบุญให้คนที่พวกตนเกลียดเข้าไส้แบบนี้
พระนางกุนตีจึงบอกความจริงที่ตนปกปิดมาตลอดชีวิตแก่ยุธิษฐิระว่ากรรณะแท้จริงแล้วเป็นพี่ชายคนโตของพี่น้องทั้ง 5
หลังทราบความจริงพี่น้องทั้ง 5 เสียใจมากโดยเฉพาะอรชุนที่เป็นคนสังหารกรรณะเองกับมือ
หลังยุธิษฐิระทำบุญให้แก่กรรณะแล้วก็เปร่งวาจาสิทธิ์ออกมาว่า
“นับแต่นี้ต่อไป จะไม่มีผู้หญิงคนใดเก็บความลับไว้กับตัวได้อีกต่อไป”
หลังจากนั้นเหล่าผู้หญิงทั่วทั้งโลกก็เริ่มมีนิสัยชอบซุบซิบขึ้นมา
เมื่อได้รับรู้เรื่องอะไรมาก็จะทดเก็บไว้กับตัวไม่ได้ต้องไปเล่าให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ฟัง
และเรื่องราวนั้นก็จะค่อย ๆ กระจายไปทั่วในที่สุด"