รุ้บ้างใหม ในท้องฟ้าวันนี้มีตำนานอะไรบ้างในเดือนแห่งความรัก

ท้องฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2557

สวัสดีเดือนแห่งความรักและความสุขสมหวัง คงแปลกใจว่าทำไหมในหนึ่งปีมีเดือนแห่งความรัก 2 ครั้ง หลายคนคงคุ้นกับ “วันแห่งความรัก” ของชาวฝั่งตะวันตก และสำหรับชาวเอเชียก็มีวัน “แห่งความรักและความสุขสมหวัง” เช่นกัน แต่ความจริงแล้ววันไหน ๆ ก็สามารถเป็นวันแห่งความรักและความสุขสมหวังได้ทุกวัน

สำหรับเดือนนี้ขอเล่าซ้ำตำนานนิทานความรักของชายหญิงคู่นี้อีกสักครั้ง สำหรับท่านที่เคยอ่านแล้วก็ต้องขออภัยด้วยครับ นิทานเรื่องนี้เป็นตำนานของชาวจีนกับชาวญี่ปุ่น และยังมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวจีนที่สืบทอดกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันใน “เทศกาลชีซี” และ“เทศกาลทานาบาตะ” ของชาวญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี และในเดือนกรกฎาคมปีนี้ก็วนมาครบรอบอีกปีหนึ่ง แต่สำหรับเทศกาลชีซีของชาวจีนก็ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม แต่ความจริงแล้วปฏิทินของชาวจีนในอดีตนับตามเดือนจันทรคติ ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคมของทุก ๆ ปี

4 คำตอบ · +2 โหวต · 0 รายการโปรด · 52 อ่านแล้ว

ตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้าของชาวญี่ปุ่น

สำหรับเทศกาลทานาบาตะ มีต้นกำเนิดมาจากเทศกาล “ราตรีแห่งเลขเจ็ด” หรือ “เทศกาลชีซี” ที่มีการเฉลิมฉลองกันในประเทศจีน ซึ่งเผยแพร่เข้ามาในราชสำนักญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน (พ.ศ. 1337 – 1728) ซึ่งขณะนั้นเมืองศูนย์กลางเมืองเกียวโต (ก่อนจะร่วมเป็นประเทศญี่ปุ่น)

สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วดาวเวก้า เป็นตัวแทนของ “เจ้าหญิงโอริฮิเมะ” หรือเจ้าหญิงทอผ้า และดาวอัลแทร์เป็นตัวแทนของ “ฮิโกะโบชิ” ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นโบราณที่เล่าต่อๆ กันมาว่า ดาวสองดวงนี้ต้องพลัดพรากจากกันโดยมี “แม่น้ำแห่งสวรรค์” (ทางช้างเผือก) ขวางกั้นอยู่ ตามจินตนาการของคนสมัยโบราณซึ่งมองเห็นทางช้างเผือกที่มีดาวหลายล้านดวงเรียงรายคล้ายกับว่าเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่บนสวรรค์ (บนท้องฟ้า) และตำนานที่ถูกเหล่าต่อกันมานานนับพันปีนี่ย่อมถูกปรับเปลี่ยนไปตามการเวลาเหลือแต่โครงสร้างของเรื่องแต่รายละเอียดปลีกย่อยส่วนใหญ่ถูกดัดแปลงไป จึงกลายเป็น “ตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้า” ในฉบับของชาวญี่ปุ่น

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่ฝั่งแม่น้ำด้านเหนือของแม่น้ำแห่งสวรรค์ (ทางช้างเผือกที่พาดผ่านทางซีกฟ้าเหนือที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์) บนสวรรค์เทพผู้ครองสวรรค์ที่มีธิดาผู้เลอโฉมและขยันขันแข็งอยู่องค์หนึ่งที่ชื่อว่า “เจ้าหญิงโอริฮิเมะ” ซึ่งเวลาของเจ้าหญิงใช้ไปกับการทอผ้าให้กับพระบิดา กับเหล่าเทพทั้งหลาย จึงไม่มีเวลาออกไปเที่ยวและพบปะกับเทพองค์อื่น ดังนั้นพระบิดาจึงได้ตระหนักดีว่ายิ่งนานวันไปเจ้าหญิงก็ถึงเวลาที่จะมีคู่ครองได้แล้ว แต่เจ้าหญิงก็ได้แต่ทอผ้าอย่างเดียว ต่อมาพระบิดาได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มที่กล้าหาญและหล่อเหลาที่ชื่อว่า “ฮิโกโบชิ” จึงอยากให้ธิดาได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้นี้ พระบิดาของเจ้าหญิงโอริฮิเมะจึงได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เมื่อทั้งสองได้พบกัน ก็เกิดการชอบพอกัน และก่อเกิดเป็นความรัก เมื่อเทพผู้ครองสวรรค์เห็นว่าทั้งสองถูกตาต้องใจกันจึงได้จัดให้มีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างทั้งสองขึ้น แต่เมื่อหลังจากพิธีอภิเษกสมรสก็เริ่มเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งทั้งสองจะออกไปเที่ยวด้วยกันทุกวัน ทุกคืน เจ้าหญิงโอริฮิเมะมีความสุขมากและลุ่มหลงฮิโกโบชิจนไม่ยอมทอผ้าเหมือนก่อน แต่พระบิดาก็ให้อภัยมาตลอดยิ่งนานวันเข้าเจ้าหญิงโอริฮิเมะก็ยิ่งหลงระเริงไปกับความรักจนลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างเอาแต่ออกไปเที่ยวกับฮิโกโบชิ ทำให้เทพผู้ครองสวรรค์พิโรธ จึงลงอาญาให้ทั้งสองแยกจากกันไปโดยให้ไปอยู่คนละฝากฝั่งของแม่น้ำแห่งสวรรค์และไม่อนุญาตให้ทั้งสองพบกันอีก หลังจากที่ทั้งสองถูกแยกออกจากกันเจ้าหญิงโอริฮิเมะก็มีแต่ความโศกเศร้าที่ต้องพลัดพรากจากผู้เป็นสามีสุดที่รักจนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เทพผู้ครองสวรรค์ได้เฝ้ามองความเศร้าโศกของนาง และเห็นอาการของนางเลวร้ายลงทุกวัน ก็เกิดความสงสารที่จะเห็นนางเป็นเช่นนี้อีกต่อไป จึงอนุญาตให้นางสามารถพบกับสามีได้เพียงปีละ 1 ครั้ง โดย “ในทุก ๆ ปี นางจะสามารถข้ามแม่น้ำแห่งสวรรค์ไปพบกับสามีได้ 1 ครั้ง คือ วันที่ 7 เดือน 7 ของทุก ๆ ปี” ซึ่งคืนที่เจ็ดของเดือนที่เจ็ดนกกระสาจะบินมาเรียงตัวกันสร้างเป็นสะพานสวรรค์ เพื่อให้ทั้งสองได้มาพบกัน ถึงแม้จะเป็นแค่วันเดียวในหนึ่งปีด้วยความรักของทั้งสองก็คอยนับวันที่เขาทั้งสองจะได้พบกันอีก นับจากนั้นมาเจ้าหญิงโอริฮิเมะก็กลับมาขยันขันแข็งตั้งหน้าตั้งตาทอผ้าของนางเหมือนเดิม เพื่อรอคอยคืนที่เจ็ดของเดือนที่เจ็ดของปีต่อไป

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

ตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้าของชาวจีน

ตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้าของชาวจีน เป็นต้นกำเนิดของเทศกาลแห่งความรักชาวจีน “ราตรีแห่งเลข 7” หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “เทศกาลนกกระสา” ซึ่งบางครั้งก็เรียกกันว่า “วันแห่งความรักของชาวจีน” โดยตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าเป็นตำนานดาวที่ชาวจีนสมัยโบราณแต่งขึ้น โดยเรื่องราวของตำนานเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาวในช่วงปลายฤดูร้อนของทางเอเชียตะวันออก แต่ที่ประเทศไทยเป็นช่วงฤดูฝน สำหรับประเทศจีนที่ตั้งอยู่ที่ตำแหน่งละติจูดสูงกว่าประเทศไทยยังอยู่ในช่วงปลายฤดูร้อนทำให้ในช่วงหัวค่ำสามารถสังเกตเห็นดาวฤกษ์สว่าง 2 ดวง ที่กำลังออกจากทางทิศตะวันออก ซึ่งดาวทั้งสองดวงนี้ก็คือดาวเวก้า (Vega) ในกลุ่มดาวพิณ และดาวฤกษ์อีกดวงหนึ่งคือดาวอัลแทร์ (Altair) ในกลุ่มดาวนกอินทรี

ในตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้าเป็นเรื่องราวความรักของเทพธิดาผู้สูงศักดิ์กับชายหนุ่มผู้ต่ำต้อย เรื่องเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆ เง็กเซียนฮ่องเต้มองดูท้องฟ้าอันไร้สีสัน ซึ่งมองดูแล้วมีความรู้สึกหดหู่ จึงสั่งให้ธิดาทั้ง 7 องค์ ทอผ้าและตัดเสื้อให้ท้องฟ้าใส่ แต่ผ้าที่ธิดาทั้ง 7 องค์ ทอออกมานั้นมีแต่สีเทาและสีขาวเท่านั้น ธิดาองค์เล็กสุดเป็นผู้ที่มีความเฉลี่ยวฉลาด ซึ่ง พบกับดอกไม้เจ็ดสีในสวน จึงนำมาทำเป็นสีย้อมผ้าทำให้ผ้าที่ทอออกมามีสีสันสวยงาม พี่สาวทั้ง 6 องค์ ต่างดีใจ และตกลงกันว่าใน วันธรรมดาจะให้ท้องฟ้าสวมเสื้อสีขาว หากวันไหนฝนตกก็จะเปลี่ยนเป็นเสื้อสีเทา ส่วนยามเช้าและยามเย็นจะสวมเสื้อเจ็ดสี เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบจึงพอพระทัยมาก จึงได้ประทานชื่อแก่ธิดาองค์เล็กว่า “จือหนี่” ซึ่งหมายถึง “สาวทอผ้า”

แต่เมื่อเทพธิดาทั้ง 7 องค์ ต้องทอผ้าทุกวันก็ทำให้เทพธิดาทั้ง 7 องค์ รู้สึกเหนื่อย และแอบหนีลงมาเที่ยวบนโลกและอาบน้ำที่ทะเลสาบอยู่บ่อยครั้ง และอีกทางฝากฝั่งหนึ่งบนโลกมีเด็กชายกำพร้าคนหนึ่งอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ เนื่องจากเขาช่วยพี่ชายเลี้ยงวัว ชาวบ้านจึง เรียกเขาว่า “หนิวหลาง” ซึ่งหมายถึง “คนเลี้ยงวัว” เมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม พี่ชายกับพี่สะใภ้ ได้ก็แบ่งสมบัติให้เขาเป็นวัว 1 ตัว กับคันไถ 1 อัน เพื่อให้หนิวหลางออกไปสร้างครอบครัวของตัวเอง หนิวหลางได้ออกไปปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตามลำพังที่บริเวณตีนเขา วันหนึ่งหนิวหลางต้องแปลกใจเมื่อวัวที่เขาเลี้ยงพูดได้ (แท้ที่จริงแล้ววัวที่หนิวหลางเลี้ยงอยู่นั้นเป็นเทพที่ทำผิดกฎสวรรค์จึงถูกเนรเทศลงมาเกิดเป็นวัวบนโลก) วัวได้พูดกับหนิวหลางว่าถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องมีภรรยากับเขาเสียที ซึ่งตอนนี้เป็นโอกาสดีที่ท่านจะพลาดไม่ได้ ในวันพรุ่งนี้ท่านจะต้องเดินทางไปด้านหน้าของภูเขาแล้วท่านจะพบกับทะเลสาบแห่งหนึ่ง ท่านจะได้พบกับหญิงงามหลายคนเล่นน้ำอยู่ ให้ท่านหยิบเสื้อผ้าของพวกนางชุดหนึ่งที่เป็นชุดสีแดงแล้วซ่อนตัวรอพบกับเจ้าของชุดสีแดงที่ค้นหาเสื้อผ้าอยู่นางนั้นจะเป็นภรรยาของท่าน (แต่บางตำนานบอกว่าหนิวหลางหยิบเสื้อผ้ามาทั้งหมด และพี่สาวทั้ง 6 องค์ ได้ส่งให้น้องสาวคนสุดท้องที่งดงามที่สุดในหมู่เทพธิดาทั้งเจ็ดมาขอเสื้อผ้าคืน ซึ่งหนิวหลางก็ขอเธอแต่งงานและนางก็ตกลง เทพธิดานางอื่นจึงได้กลับสวรรค์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกัน) ถ้าอยากมีภรรยาท่านจงอย่าลืมทำตามที่ข้าบอก วันพรุ่งนี้วันเดียวเท่านั้น (วันที่ 7 เดือน 7 เป็นวันที่เทพธิดาทั้ง 7 องค์จะลงมาอาบน้ำที่ทะเลสาบ) วันรุ่งขึ้นหนิวหลางก็ทำตามที่วัวแนะนำ เขาได้พบกับหญิงงามนางที่เป็นเจ้าของชุดสีแดงตามที่วัวบอก และหนิวหลางก็ขอเธอแต่งงานและนางก็ตกลง เทพธิดานางอื่นจึงได้กลับสวรรค์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกัน พวกเขามีลูกสองคนและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

จนกระทั้งในเวลาต่อมา “เง็กเซียนฮองเฮา” ผู้เป็นแม่ของจือหนี่ ทราบเรื่องที่ว่าลูกสาวของตนไปแต่งงานกับมนุษย์ธรรมดา ซึ่งผิดกฎสวรรค์ เง็กเซียนฮองเฮาโกรธมากและสั่งให้จือหนี่กลับสวรรค์ทันที เมื่อหนิวหลางกลับมาบ้านก็ไม่พบภรรยาจึงเศร้าโศกเสียใจมาก ตอนนั้นเองวัวของเขาก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง ว่าจือหนี่ถูกเง็กเซียนฮองเฮาเรียกตัวให้กลับสวรรค์ และบอกวิธีที่หนิวหลางจะขึ้นไปหานางได้ต้องฆ่าตนเสีย เพื่อที่จะได้เอาหนังของตนมาห่ม ซึ่งจะทำให้เขาไปตามหาจื่อหนีบนสวรรค์ได้ หนิวหลางจึงฆ่าวัวของตัวเองทั้งน้ำตา ก่อนที่จะเอาหนังของวัวมาคลุมห่มร่างตนและลูกทั้งสอง

เมื่อเง็กเซียนฮองเฮาพบว่าหนิวหลางกับลูก ๆ แอบขึ้นมาบนสวรรค์ก็โกรธจัดจึงเอาดึงปิ่นปักผมของนางกรีดไปบนสวรรค์กลายเป็นแม่น้ำบนสวรรค์ (แม่น้ำบนสวรรค์ดังกล่าวก็คือทางช้างเผือกที่พาดผ่านระหว่างดาวเวก้าและดาวอัลแทร์) เพื่อแยกคนรักของทั้งสองออกจากกันตลอดไป จื่อหนีจึงทำได้เพียงนั่งทอผ้าอย่างเศร้าสร้อยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ขณะที่หนิวหลางก็ได้แต่เฝ้ามองภรรยาอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำพร้อมเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสอง (ดาวเบตา-นกอินทรี และแกมมา-

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

ได้ความรู้ดีค่ะ ขอบคุณนะคะ

+0 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม