วัฒนธรรม วัตถุนิยม บริโภคนิยม

สมัยก่อนตอนที่บ้านเมืองยังมีแต่ต้นไม้สีเขียวอยู่เยอะๆ เราก็ไปเที่ยวสวนสาธารณะ เที่ยวที่เป็นธรรมชาติ แต่เดี๋ยวนี้บ้านเมืองพัฒนาขึ้นก็ต้องไปเดินห้างหรูๆ ขายของแพงๆ ชอปปิ้ง ต้องเข้าร้านอาหารแบบนี้ กลายเป็นของโก้ว่าเราต้องกินร้านอาหารแบบนี้ ใช้ของยี่ห้อนี้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงิน มันก็เลยทำให้เงินเป็นของที่มีความหมาย มีความสำคัญมากขึ้น ทั้งๆ ที่สมัยก่อน ปู่ ย่า ตา ยาย สิ่งเหล่านี้ยังไม่มี เราก็ยังกินขนมครก กล้วยแขกอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ต้องกินเค้กชิ้นละร้อยกว่าบาท พอมียี่ห้ออะไรมาใหม่ก็เข้าคิวรอกินกัน ทั้งๆ ที่ชิ้นหนึ่งราคาแพงมาก เป็นวัฒนธรรม วัตถุนิยม บริโภคนิยม ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเงิน หากพ่อแม่ยังปฏิบัติแบบนี้ให้ลูกๆเห็น หรือ ทำเป็นเรื่องปกติในครอบครัว ลูกก็จะเกิดการซึมซับเรื่องของบริโภคนิยมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จึงควรเริ่มจากพ่อแม่ที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้เห็น ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ติดหรู ควรใช้ชีวิตแบบพอเพียง บริหารการเงินให้มีคุณภาพ แล้วลูกๆ ก็จะเป็นแบบที่พ่อแม่เป็น”

9 คำตอบ · +4 โหวต · 1 รายการโปรด · 409 อ่านแล้ว

ค่านิยม ที่เปลี่ยนไป ในวันนี้

มันก็มี ความสบาย ให้ได้เห็น

แต่ที่อยาก มากมาก อยากให้เน้น

ต้องให้เด่น ที่คุณเป็น ชนชาติไทย

ความเป็นไทย อยู่ตรงไหน ช่วยวานบอก

อย่าแค่หลอก เพียงโปะหน้า ว่าคนไทย

ค่านิยม ที่คุณตาม เคยถามมั๊ย

คุณสุขใจ กันหรือไม่ ได้ตามมัน !!!

( นั่นน่ะสิ !!!! อย่าลืมกำพืดในความเป็นไทยที่บรรพบุรุษเราได้สร้างเอาไว้ให้กับลูกหลาน ) นะครับพี่น้อง

+2 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณครับที่มาตอบและเสนอความคิด

+0 โหวต

สมัยนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นยุคสมัยแบบวัตถุนิยม

และคำว่า '' เงิน '' มันก็ไม่ต่างจาก '' พระเจ้า ''

หากใช้นิสัยความเป็นวัตถุนิยมมากเกินไป แบบไม่รู้จักหยุดยั้ง นั่นล่ะ คือหนทางเข้าสู่ความหายนะของชีวิต

ที่เรียกว่า ความล้มละลาย หรือความยากจน.........

ใช้ชีวิตแบบพอเพียง และเพียงพอ จะดีที่สุดครับ สำหรับยุคนี้

ผมเชื่อว่า.......คำสอนของ '' พ่อ '' ที่ท่านให้มาเป็นมรดก

ไม่มีทางให้พบกับคำว่าผิดหวังในชีวิตคนเราแน่นอน...หากคนเรารู้จักนำคำสอนของท่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน....

และทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราเองด้วย ว่าจะรู้จักข้อจำกัดให้กับชีวิตตนเองมากน้อยแค่ไหน..???

+2 โหวต · 2 ตอบกลับ

คำสอนของ '' พ่อ '' นำมาใช้เกิดประโยชน์จริงๆครับ

+0 โหวต

ใช่ครับ ดีมากเลยล่ะ

+0 โหวต

มันอยู่ที่แต่จะละคนรู้ข้อจำกัดของตัวเองมากแค่ไหนค่ะ เรามองว่าการรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ หรือสิ่งใหม่ ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องผิด ถ้ารับแล้วมาปรับใช้ให้เหมาะสม ไม่ใช่รับมาใช้แบบสุดโต่งหรือจมอยู่กับทัศนคติแบบเดิม ๆ (ในบางเรื่อง) จนทำให้ตามเขาไม่ทัน

เห็นด้วยกับที่คุณพูดค่ะ เพราะยังไงเราก็ชอบธรรมชาติมากกว่า ขนมครก กล้วยแขก ทุกวันนี้ก็ยังกินอยู่ อะไรที่แพง ๆ นาน ๆ สังสรรค์ในหมู่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนจะดีกว่า

หรือเป็นเพราะวัยก็ไม่รู้นะ จึงคิดได้ 555

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ขอบคุณครับที่มาตอบและเสนอความคิด

เข้าวัย 3 แล้วหรอ 555

+1 โหวต

รู้ได้ไงอะ 555

+1 โหวต

เดาเอาคับ ไม่รู้หรอก

+1 โหวต

จริงกินได้หมดนะขนมริมทางกล้วยทอด ขนมครก อันนี้ เค็กชิ้นแพงๆ เลือกตามโอกาสมากกว่า

ส่วนมาก ธรรมดาที่สุด ยกเว้น บางโอกาสได้เข้าไปนั่งในร้านแพงๆ ก็ถือว่า นานครั้งคะ

แต่เข้าทุกวันคงไม่ใช่แล้ว แหละ สุดท้ายก็กระเป๋าเราเองที่จะฉีกคะ

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

เศรษฐกิจพอเพียงดีที่สุด

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

อะไรเนี๊ยะ .. ใครโพสเนี๊ยะ ไม่จริง ไม่น่าจะมีสาระ... 55555

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

จ้ะแม่คนมีสาระ อิอิ

+0 โหวต

แบบว่า ทุกวันคนก็ใช้บัตรนะ บัตรก็เสนอว่าไปกินหรูแบบนั้นสิ แบบนี้สิ แล้วฉันจะให้นั้นให้นี้ที่คุณต้องการ จริงก็อยากไม่อยากติดหรูนะ แต่พอนานก็เป็นนิสัยเช่นกัน

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

ข้อความนี้จริงเลย เป็นความเจ็บปวดของสังคม

พ่อแม่บางคนสร้างเด็กที่เป็นลูกให้กลายเป็นเด็กที่ฟุ้งเฟ้อ

ดำเนินชีวิตอยู่ในความสะดวกสบายและคุ้นเคยกับสิ่งของที่ราคาแพง อาหารธรรมดากินไม่ได้ กิน KFC กินอาหารหรูๆ

คนที่ลุงรู้จักก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ไม่ค่อยจะมีเงิน แต่เวลาซื้อของ หรือของกินให้ลูก จะเลือกซื้อของแต่ราคาแพงๆ

บางทีลุงเห็นไม่ค่อยมีเงินเนื่องจากเป็นญาติกัน ลุงกับป้าก็พาเค้าไปช้อปปิ้ง

กำหนดวงเงินให้สามพัน ญาติคนนี้ซื้อของได้ไม่กี่อย่าง ถ้าเป็นลุงกับป้านี่สามพันบาทนี่ซื้อได้มากกว่าเค้าเท่าตัว

เช่นเนื้อหมูต้องเกรด A ซึ่งลุงมองๆ ดูแล้วก็หมูเหมือนกันนั่นแระ แต่หมูเกรด A มันดูดีกว่า

ลูกของเค้าตอนเด็ก ๆ ก็วิ่งคว้าแต่ของแพง กินฟาสฟู้ตไม่ได้อีก ร้องจะกินแต่ของแพง อาหารญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่นชามหนึ่งนี่ "ราคาแพง กว่า ค่าแรงขั้นต่ำ" อีกนะคุณหลาน "คอแตก"

ตอนเด็กนี่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่หอ พ่อแม่ให้เงินเท่าไรก็ไม่พอ เพราะตกเย็นต้องกินหรูๆ

ข้าวแกงหรืออาหารตามสั่งนี่ติดคอ กินไม่ค่อยได้

โทรศัพท์ก็ต้องชั้นดีของยี่ห้อ Apple พวกโทรศัพท์รุ่นมังคุดแบบลุงก็ใช้ไม่ได้

พ่อแม่ก็ยืมเงินไปทั่ว หนี้สินมากเพราะฝึกให้ลูกใช้แต่ของดี ๆ กลัวลูกอายเพื่อน ๆ

เมื่อเด็กนี้เรียนจบมา คนที่ทำงานพาทานข้าวที่โรงอาหาร ทานไม่ได้

ตามพวกหัวหน้างาน รุ่นพี่ที่เค้ามีเงินออกไปทานอาหารหรูข้างนอก

เงินเดือน 15,000 ไม่พอ ไปดาวน์รถคนแรก รถก็ถูกยึด

จะโทษเด็กก็ไม่ได้ ต้องโทษพ่อแม่นั้นแระ ที่สร้างเด็กแบบนี้ขึ้นมา

ลุงเคยถามตรงๆ กับพ่อแม่คู่นั้น ว่าทำไมถึงหัดให้เด็กฟุ่มเฟือยไม่ประหยัด

เค้าตอบว่า ชีวิตเค้าลำบาก อยากได้อะไรก็ไม่ได้ อยากกินของดีๆ ก็ไม่ได้กิน

เลยคิดว่า ถ้ามีลูกก็จะทำให้ลูกได้กินของดีๆ ใช้ของดีๆ ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบพวกเค้่า

"กรรม" ลุงพูดคำนี้ได้คำเดียวครับ

+1 โหวต · 1 ตอบกลับ

ขอบคุณลุงมากครับ เป็นเรื่องจริงที่สังคมเป็นแบบนี้ครับ

ผมต้องพยายามสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงินละครับ

+0 โหวต

ถูกต้อง

เหมือนบอกว่า เด็กสมัยนี้ไม่มีมารยาท ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ทิ้งขยะตามถนน

เราเห็นแต่ผู้ใหญ่ ทำให้ดู เด็กก็ทำตาม

เราว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปอย่างไร หากแต่มนุษย์ที่มีธรรม มักรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

แค่ไหนเรียกว่า สมดุล พอเหมาะ พอควร กับตัวเอง

คนยิ่งตัดไม้เท่าไหร่ โลกยิ่งแตกเท่านั้น

คนยึดถือว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ ควบคุมและกำหนดทุกอย่าง แม้แต่กับสัตว์มนุษย์ด้วยกัน ด้วยคำว่า

ค่านิยม ใครต่างจากข้า คือ ไม่ใช่พวก

ก็ขอบคุณบทความดีๆ หวังว่า อย่างน้อยก็มีคนที่สอนลูกหลานเป็นอยู่ ไม่ใช่ตกเป็นทาสของวัตถุ ของนอกกาย เสียเอง

+1 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามในป้ายกำกับ
ถามคำถาม