ข้อความนี้จริงเลย เป็นความเจ็บปวดของสังคม
พ่อแม่บางคนสร้างเด็กที่เป็นลูกให้กลายเป็นเด็กที่ฟุ้งเฟ้อ
ดำเนินชีวิตอยู่ในความสะดวกสบายและคุ้นเคยกับสิ่งของที่ราคาแพง อาหารธรรมดากินไม่ได้ กิน KFC กินอาหารหรูๆ
คนที่ลุงรู้จักก็เป็นเช่นนี้ ถึงแม้ไม่ค่อยจะมีเงิน แต่เวลาซื้อของ หรือของกินให้ลูก จะเลือกซื้อของแต่ราคาแพงๆ
บางทีลุงเห็นไม่ค่อยมีเงินเนื่องจากเป็นญาติกัน ลุงกับป้าก็พาเค้าไปช้อปปิ้ง
กำหนดวงเงินให้สามพัน ญาติคนนี้ซื้อของได้ไม่กี่อย่าง ถ้าเป็นลุงกับป้านี่สามพันบาทนี่ซื้อได้มากกว่าเค้าเท่าตัว
เช่นเนื้อหมูต้องเกรด A ซึ่งลุงมองๆ ดูแล้วก็หมูเหมือนกันนั่นแระ แต่หมูเกรด A มันดูดีกว่า
ลูกของเค้าตอนเด็ก ๆ ก็วิ่งคว้าแต่ของแพง กินฟาสฟู้ตไม่ได้อีก ร้องจะกินแต่ของแพง อาหารญี่ปุ่น
อาหารญี่ปุ่นชามหนึ่งนี่ "ราคาแพง กว่า ค่าแรงขั้นต่ำ" อีกนะคุณหลาน "คอแตก"
ตอนเด็กนี่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่หอ พ่อแม่ให้เงินเท่าไรก็ไม่พอ เพราะตกเย็นต้องกินหรูๆ
ข้าวแกงหรืออาหารตามสั่งนี่ติดคอ กินไม่ค่อยได้
โทรศัพท์ก็ต้องชั้นดีของยี่ห้อ Apple พวกโทรศัพท์รุ่นมังคุดแบบลุงก็ใช้ไม่ได้
พ่อแม่ก็ยืมเงินไปทั่ว หนี้สินมากเพราะฝึกให้ลูกใช้แต่ของดี ๆ กลัวลูกอายเพื่อน ๆ
เมื่อเด็กนี้เรียนจบมา คนที่ทำงานพาทานข้าวที่โรงอาหาร ทานไม่ได้
ตามพวกหัวหน้างาน รุ่นพี่ที่เค้ามีเงินออกไปทานอาหารหรูข้างนอก
เงินเดือน 15,000 ไม่พอ ไปดาวน์รถคนแรก รถก็ถูกยึด
จะโทษเด็กก็ไม่ได้ ต้องโทษพ่อแม่นั้นแระ ที่สร้างเด็กแบบนี้ขึ้นมา
ลุงเคยถามตรงๆ กับพ่อแม่คู่นั้น ว่าทำไมถึงหัดให้เด็กฟุ่มเฟือยไม่ประหยัด
เค้าตอบว่า ชีวิตเค้าลำบาก อยากได้อะไรก็ไม่ได้ อยากกินของดีๆ ก็ไม่ได้กิน
เลยคิดว่า ถ้ามีลูกก็จะทำให้ลูกได้กินของดีๆ ใช้ของดีๆ ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบพวกเค้่า
"กรรม" ลุงพูดคำนี้ได้คำเดียวครับ