คำตอบที่ดีที่สุดเลือกโดยผู้ถาม ตอบเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา
ทั้งสองข้อ เป็นเรื่อง ของการไม่สำรวม หรือมีกิริยาไม่เหมาะสมมากกว่าจ้ะ
ไม่น่าผิดวินัยนะ
พูดถึงเรื่องพระเข็นรถ เรามีประสบการณ์ตรงจะเล่าให้ฟัง
หลายปีก่อน รถที่พี่ชายเราขับไปธุระกับเราที่จังหวัดสุโขทัย
แต่ปรากฏว่ารถดับหน้าวัดแห่งหนึ่ง ทำไงดีล่ะ ... ? ?
เราก็ตัวเล็ก พี่ชายเราคนเดียวเข็นจนให้เครื่องติดด้วยตัวคนเดียวก็ไม่ไหว
มองไปมองมาเห็นว่าในวัดมีพระนั่งอยู่ ห้าหกรูป กับฆราวาสอีกหนึ่งคน กำลังมองมาทางเรา
เราไม่รู้จะทำยังไง .. หาอู่ก็ไม่รู้อยู่ไหน พยายามสตาร์ทเครื่องติดๆ กันหลายครั้ง..ก็ไม่สำเร็จ !
พระที่นั่งก็มองอยู่ แต่นิ่งๆ ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร
สักพักคงเห็นเรายืนเซ่อๆ อยู่ เพราะไม่รู้จะทำยังไง
พระเลยให้เด็กวัดเดินมาบอกว่าให้เข็นรถเข้าไปในวัด
ตอนแรกคิดว่ามีพระหรือใครเป็นซ่าง คงจะมาดูอาการให้
พอศิษย์หนึ่งคน กับพี่ชายเราอีกหนึ่งพยายามเข็นเข้าใปในวัด
พระท่านบอกว่าเห็นพี่ชายเราติดเครื่องบ่อย ท่าจะน้ำมันท่วม อย่างนี้สตาร์ทไม่ติดหรอก
ต้องเข็นจนเครื่องยนต์ติดจึงไปได้ จึงให้ลูกศิษย์ไปตามให้เข็นเข้ามาในวัด
จากนั้นพระให้เข็นไปโน่นเลย.... ที่ลับตาคน
แล้วพระท่านห้าหกรูปก็ช่วยกับเด็กวัดและพี่ชายเรา เข็นรถให้...จนสตาร์ทติด ...
ท่านให้เหตุผลว่า เป็นพระต้องสำรวม ไม่สามารถออกไปเข็นรถริมถนนได้ เพราะไม่สำรวม ดูไม่งาม
แต่อยากช่วย เลยต้องใช้วิธีนี้ ... นี่คือประสบการณ์ตรงจากเราจ้ะ
+3 โหวต · 5 ตอบกลับ