คนโสด

เรื่องปฏิเสธความหวังดีนั้น..ก็คงไม่ทำ..แต่..!!!..

หลังจากนั้น..เรื่องคบหาดูใจ..นั้น..เราคงต้องเป็นคนเลือกเอาเอง..

มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหากเรา..ลองดูซักครั้งว่า..

คนทีเรารู้จักหรือหวังดีนั้น..เค้าคิดเผื่อให้เราแล้ว...ว่าคนคนนี้..มันดีมันเหมาะสมกับเราแล้ว..

แต่..หากดี..เป็นที่พอใจสำหรับเราแล้ว..มันก็โชคดีไป..

หากไม่ใช่แล้ว..เค้าก็ไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้เรา..."เอา"..ไม่ใช่เหรอ...

แต่..หาก..เราตั้งแง่..ตั้งแต่แรกแล้ว..อะไรมันก็..อาจจะไม่ดูดีไปซะทั้งหมด..

ลองคิดอะไรที่เป็นมุมกว้างๆ..ลองดู..ไม่ได้เสียหายอะไรซักหน่อย..จริงมั้ย..???..

เห็นด้วยกับ '' สายลมอันเหน็บหนาวในช่องแอร์ '' นะครับ

เพราะเหตุผลดูเป็นกลางดี แต่เป็นการรักษาน้ำใจ ทั้ง 2 ฝ่ายไปในตัว

เชื่อตามพี่เขาเถอะ.......รับรอง work.....^^...

ว้า! ทำไมถึงไม่มีใครหาคู่มาให้ผมบ้างเลย ช่างอาภัพเสียจริงๆ ถ้ามีมาให้ปฏิเสธ ผมก็จะบอกไปว่า

ผมรักชีวิตโสด ยังไม่อยากจะรีบตกนรกตอนนี้ครับ ๕๕๕ เอาจริงๆก็คงจะบอกแค่ประโยคแรกก็พอ

ถ้ากลัวคนอื่นสะเทือนใจ

เราก็คงต้องยอมทำตามใจคนอื่นไปตลอดๆค่ะ

เพราะบางท่าน สะเทือนใจง่ายมากๆ ขนาดพูดด้วยถ้อยคำสุภาพอ่อนน้อมสุดๆ

เขายังโกรธ หรือเสียความรู้สึกได้อ่ะนะ

ทำแบบที่คุณสายลมเหน็บหนาวแนะนำก็ดีนะคะ

วินวิน

คิดว่าในความเป็นจริง ไม่น่ามีเรื่องเช่นนั้นในยุคนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องถามความสมัครใจของคุณก่อน

ต้องเคยเห็นรูป หากยังไม่เคยเห็นตัวจริง แต่ก็เคยเห็นอยู่คู่หนึ่งเหมือนกันที่ผู้ใหญ่แนะนำให้ แต่คนแบบนั้น

ต้องนิสัยไม่ช่างเลือกมากหรือสเป็คเยอะ เป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่งั้นคงไม่โอเคง่ายๆหรอก อีกอย่าง

เรื่องคุณสมบัติก็สำคัญ หากคุณสมบัติแย่ คงไม่มีใครสน ส่วนมากต้องมีงานการทำ มีความรับผิดชอบ

เป็นผู้ใหญ่ มีความคิด พวกไร้สาระ ไร้ความคิด งี่เง่า ผญ.ฉลาดคงไม่สน เพราะน่ารำคาญ 5555

ผมว่ารู้จักกันไว้ไม่เสียหายอะไร คนเราถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป

ในอนาคตควรศึกษานิสัยใจคอกันก่อน คนที่ถูกนัดมาให้พบเขาคงคิด

แบบนี้เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ทั้งสองคนต้องตัดสิน

ใจเอง หากจะต้องอยู่ด้วยกันเพราะเกรงใจผู้หวังดีคงไม่ได้หรอกครับ