เรามีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง เพิ่งรู้จักไม่นานนัก
สาเหตุที่รู้จักเพราะมีคนแนะนำให้ไปติดต่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างที่เราต้องการจากเขา
ระยะแรกก็รับข้อมูลปกติ เขาก็ส่งข้อมูลให้ดี ทุกสัปดาห์
พอหลายๆ สัปดาห์เข้า
เขาก็เริ่มขอสิ่งตอบแทน เช่น ให้เราเลี้ยงข้าวก่อนถึงให้ข้อมูลมา
เราก็บ่ายเบี่ยงเรี่อยมา ....
จนกระทั่งวันหนึ่ง ตัดสินใจตอบตกลง ด้วยหวังว่าจะได้รู้จักนิสัยจริงๆ
ว่าที่เรียกร้องให้เลี้ยงข้าวน้ัน เอาเข้าจริงๆ แล้วเขาจะให้เราเลี้ยงข้าวเขาจริงหรือไม่
พอเราตอบตกลง เขาขอเพิ่มเป็นเบียร์ พร้อมอาหารกลางวัน
โดยวันนั้นเป็นวันที่นัดรับข้อมูลตามปกติ
เมื่อไปถึงร้าน เขากับเราก็สั่งข้าว กับข้าว เบียร์ ตามที่เขาขอ
พอถึงตอนเก็บเงิน เขาเรียกบริกรมาแล้วให้เราเป็นคนจ่ายเงิน
พอออกจากร้านเขาพูดว่า ครั้งต่อไปรวบยอดเป็นปลายเดือนหน้า
เขาขอให้เราเลี้ยงข้าวเขาอีกทุกๆ สิ้นเดือน พร้อมย้ำสิ่งที่คุยกันระหว่างรับประทานอาหารว่า...
เขาไม่เคยช่วยงานใครฟรีๆ แม้แต่คนมาขอให้เขาเซ็นงานให้
ก็ใช่ว่าจะเซ็นให้ง่ายๆ ครั้งก่อนเขาก็นัดคนอื่นให้มารับประทานอาหารที่ร้านนี้ก่อนถึงจะเซ็นงานให้
เราฟังแล้วถึงกับอึ้งเลย .... ไม่คิดว่าจะมีคนอย่างนี้จริงๆ บนโลกใบนี้
เดือนหน้าเราต้องเลี้ยงข้าวเขาอีกหรือนี่ .... เราเริ่มคิดว่า ....
เขาเป็นคนไม่น่าคบหา คิดแต่เรื่องผลประโยชน์จนเกินไป
เราเลยพยายามหาแหล่งข้อมูลอื่นมาทดแทน แม้ต้องลำบากในการสุ่มหาอีกครั้งก็ตาม
หรืออย่างน้อยก็ต้องหาคนที่พอแนะนำคนที่พอจะมีข้อมูลให้เราได้อีกครั้ง
ขอแค่เราไม่ต้องคบค้าสมาคมกับคนอย่างนี้อีกก็ยอม
เขาเป็นข้าราชการด้วยนะ ...
เขาบอกว่า เขาไม่ผิดที่รับค่าตอบแทน เพราะเขาไม่ได้โกงใคร จึงไม่ใช่การคอรัปชั่น
คนที่ยอมให้เขาก็เพราะเขาให้สิ่งที่คนนั้นต้องการได้
คนนั้นก็ต้องยอมแลกเปลี่ยน แม้กระทั่งให้เงินเป็นค่าตอบแทนลายเซ็นในเอกสาร
สมาชิกมายฯ คิดว่าคนเช่นนี้ เป็นคนเช่นไร ...
เขาคิดถูกหรือไม่ ว่าหากเขาต้องเซ็นเอกสาร(อนุญาต) ให้คนใน องค์กร หรือสถานประกอบการใด
ต้องได้รับเงิน หรือ การเลี้ยงอาหาร หรือ สิ่งของ เป็นค่าตอบแทนทุกครั้ง
เราไม่อยากติดต่ออะไรกับคนๆ นี้อีกเลย .... บอกตรงๆ เสื่อมศรัทธามาก
เพราะเราคิดตรงข้ามกับเขา ว่า การรับสิ่งตอบแทน เป็นการกระทำที่ไร้ศักดิ์ศรีมากๆ
ทำแล้วก็เป็นขี้ปากชาวบ้าน ว่าข้าราชการผุู้นั้น รับผลประโยชน์
แม้ไม่ได้เรียกร้องตรงๆ เพราะ อ้างว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ก็เถอะ
สำหรับเราแล้วสิ่งนี้เป็นข้ออ้างเพื่อให้ฟังดูดีเท่านั้นแหละ
แต่ทางปฏิบัติ ก็ไม่ต่างกับการรับส่วยหรอก ... คุณว่ามั๊ย?