.....ดูแลสุขภาพด้วยนะ......

หลายคนคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” แต่บางทีอาจจะไม่ใช่เสมอไปก็ได้นะคะ เพราะล่าสุดมีชาวฟิลิปปินส์พนักงานของ Ogilvy & Mather บริษัทเอเจนซี่โฆษณาระดับโลกเสียชีวิตจากการโหมงานหนักอีกรายแล้ว

พนักงานบริษัทเอเจนซี่โฆษณาทำงานหนักจนตาย

Mark David Dehesa ชาวฟิลิปปินส์เป็นพนักงานในแผนกพีอาร์ บริษัท Ogilvy กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์มาเกือบ 1 ปี เหตุเกิดมาจากการที่เขาต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้งานเสร็จทันพรีเซ้นต์งานในที่ประชุมของเช้าวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แต่ปรากฎว่าเขาโหมงานหนักแบบไม่ได้พักจนงานเสร็จตอนตี 4 แต่ว่ามีประชุมตอน 9 โมงเช้าและลากยาวยันเย็น จนเขารู้สึกปวดหัวจนไม่ไหว เลยวานเพื่อนช่วยพาไปโรงพยาบาลที จนวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ เขาได้เสียชีวิตจากภาะวะแทรกซ้อนนำไปสู่โรคปอดบวม ทำให้หัวใจล้มเหลวในที่สุด

ความบาลานซ์ของการทำงานในวงการเอเจนซี่โฆษณา

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ Jeff Stelton หนึ่งในพนักงานของบริษัทเอเจนซี่และอดีตเพื่อนร่วมงานของ Mark เขาได้โพสต์ความเห็นเกี่ยวกับวงการเอเจนซี่โฆษณาลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา ที่มองว่า ลูกค้ามักจะถามหาสิ่งที่ดี ต้องการงานที่ออกมาดี ขณะที่คนทำงานก็ต้องทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ ทั้งต้องเสียสละเวลาส่วนตัวทั้งของตัวเอง คนรัก ครอบครัวรวมถึงเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพด้วยค่ะ

นอกจากนี้เขายังเรียกร้อง ให้บรรดาบริษัทเอเจนซี่โฆษณาและลูกค้าเห็นถึงความสำคัญของคนทำงานอย่างมีเหตุผลและต้องหมั่นดูแลพนักงานด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสูญเสียใครไปอีก

เมื่อวงการเอเจนซี่โฆษณาไม่ได้มีรายเดียวที่ตาย

ในวงการเอเจนซี่โฆษณา ความบาลานซ์ของงานและชีวิตส่วนตัวถือเป็นข้อถกเถียงกันมาหลายปีมากค่ะ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งการตายของ Mark ก็ไม่ใช่รายแรกด้วย

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 นายหลีหยวน วัย 24 ปี พนักงานของบริษัท Ogilvy & Mather สำนักงานที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้เสียชีวิตลงจากโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ผลมาจากที่เขาโหมงานหนักจนถึงมืดค่ำ มักเลิกงานหลัง 5 ทุ่มเกือบทุกวันและทำอย่างนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน จนเขาล้มลงไปกองกับพื้นขณะที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ

ในปีเดียวกันยังมีชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพนักงาน copywriter วัย 24 ปีที่บริษัท Y & R โหมงานติดต่อกัน 30 ชม. จนร่างกายทรุดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ขณะที่เดนท์สุ บริษัทเอเจนซี่โฆษณายักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ได้มีพนักงานสาวชาวญี่ปุ่น อิชิโร โอชิมะ วัย 24 ปี ตัดสินใจฆ่าตัวตายจากการที่เธอต้องทำงานหนักทุกวันแบบไร้วันหยุดติดต่อกัน 17 เดือน เฉลี่ยแล้วเธอได้นอนวันละ 2 ชั่วโมงเองค่ะ และต่อมาในปี 2016 ได้มีพนักงานสาวชาวญี่ปุ่นอีกราย มัตซูริ ทาคาฮาชิวัย 24 ปี ตัดสินใจฆ่าตัวตายอีกเช่นกัน จากความเครียดสะสมและปริมาณงานที่มาก ทำให้เธอต้องทำงานล่วงเวลาเดือนนึงถึง 100 ชั่วโมง บางวันกลับบ้านตี 5 และการตายของเธอทำให้ นายทาดาชิ อิชิอิ ประธานบริษัท เดนท์สุ ตัดสินใจลาออก และยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการทำงานล่วงเวลาจริง

แน่นอนว่าการทุ่มเทกับการทำงานเพื่อให้ได้ผลงานของมาดีที่สุดถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีถ้าปริมาณงานไม่สัมพันธ์ต่อการใช้ชีวิต หรืออาจล่วงเกินเวลาส่วนตัวของชีวิตมากไป จนไม่สามารถจัดสรรเวลาได้ บางที “งานหนักไม่ฆ่าคน” อาจจะต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็น “งานหนักที่ฆ่าคน” อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…

ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย....

ที่มา : Adweek

Cr. https://www.mangozero.com/death-of-agency-employee-sparks-renewed-debate-over-work-life/

5 คำตอบ · +6 โหวต · 2 รายการโปรด · 89 อ่านแล้ว

คงต้องยึดทางสายกลาง

ประเมินขีดจำกัดของร่างกาย ว่าทำได้แค่ไหน ไม่ให้หนักเกินไป

เดี๋ยวจะกลายเป็น ^ได้ไม่คุ้มเสีย^

+3 โหวต · 9 ตอบกลับ

จ้าา !!!!!

+0 โหวต

อย่าจ้ามาก อากาศกำลังร้อน

เดี๋ยวไหม้กันพอดี...

+1 โหวต

จู้ !!!!!!

^มันไม่ได้ฟิลอ่านะ^

+1 โหวต

เป็นงั้นไป 😂

เอาที่สบายใจ...

+0 โหวต

ขอบคุณ เช่นกันนร้า

+2 โหวต · 1 ตอบกลับ

ยินดีที่ได้นำมาแชร์ต่อ 😀

+0 โหวต

ทำทุกเรื่องอย่างมีความสุขที่ทำไป วางแผนให้เหมาะกับตัวเอง

แต่...วันนี้ ฮัดเช้ย

+2 โหวต · 9 ตอบกลับ

เอาน่า...อะไรเข้ามาก็จับหารสองซะ....อะไรที่ว่าก็เบาลงครึ่งนึง

อาจทำยาก แต่ถ้าทำได้ก็ได้กับตัวเอง

+1 โหวต

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีนะครับ 😀

+0 โหวต

ไม่ถึงกับแนะนำ เพียงแค่บอกเฉยๆ

+1 โหวต

ครับ แต่ถึงยังไง

ก็เป็นการชี้ทางให้ผม

ได้มองเห็นอีกด้าน

ซึ่งนับได้ว่าเป็นมุมมองใหม่

+0 โหวต

แต่มันฆ่าเรา

เราเลยไม่แคร์จ้า ทำเท่าที่ไหว ไม่ไหวพรุ่งนี้มาทำใหม่

เราตาย เราก็ได้แค่พวงหรีด ไว้เราเป็นเมียเจ้าของ เราจะทำไม่มีหยุดพักเลยค่ะ

เอาแค่ทำพอดี ไม่เดือดร้อนใคร ไม่ทำให้บริษัทล่มจม ลาบ้าง

พักผ่อนบ้าง งานไม่ใช่ทุกสิ่งขอองชีวิต ไปหาอะไรทำบ้าง ครอบครัวต้องดูแล

ให้เวลา

สุขภาพก็เช่นกัน

+2 โหวต · 5 ตอบกลับ

จริงที่สุด

ได้ทำงานยัง หนักไหม เป็นไงบ้าง

ตอนนี้ก็พักจากงาน มาตอบคำถาม ดีนะ boss กลับบ้านไปแล้ว

+1 โหวต

ยังเลย แต่น่าจะเร็วๆนี้

คงไม่เลือกงานที่ทำเอาเป็นเอาตายแน่

ยังดีที่สละเวลาเข้ามาตอบคำถาม

+1 โหวต

แนวคิดเลิศ ขอให้สมหวัง

+1 โหวต

ขอบคุณมากๆน้า 🙏

เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

เพื่อชีวิตที่มีความสุข

+1 โหวต

คำว่า งานหนัก

มันทำให้ผมนึกถึงพ่อหลวงของเรา เพราะท่านทรงงานหนัก จนท่านต้องป่วยเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว

สำหรับผม ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำเท่าที่ตนเองทำได้

เพราะสุดท้ายหากเกิดอะไรขึ้นมา คนที่เดือดร้อนและเสียใจที่สุด คือครอบครัวของเราเอง ไม่ใช่นายจ้าง

เพราะเขาจ่ายแค่ค่าทำศพ และค่าทำขวัญ ประกันชีวิต มันก็จบแล้ว....

+2 โหวต · 3 ตอบกลับ

ใช่ครับ ถ้าพูดถึงงานหนัก แว๊บแรกทำให้นึกถึงพระองค์ท่านเลย ไม่มีใครในโลกนี้ทรงงานหนักอย่างพระองค์อีกแล้ว

ถ้าพูดถึงเราเอง คงทำไม่ได้ขนาดนั้น

ผมก็เหมือนกัน ทำเท่าที่ทำได้ ไม่หักโหม จนเอาเป็นเอาตาย

เพราะถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ไม่คุ้มแน่ โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวแล้ว

แม้กระทั่งพ่อแม่เราเอง ที่รอเราอยู่

ใช่ครับ แค่นั้นจริงๆ ไม่คุ้มเลย ไม่มีเรา เขาก็หาคนใหม่มาทำแทน

แต่ครอบครัวเราล่ะ จะหาใครมาแทน...

+1 โหวต

ถูกต้องเลยครับ มันคือความสูญเสีย ที่เอากลับคืนมาไม่ได้ และเงินก็ซื้อชีวิตกลับคืนมาไม่ได้

+2 โหวต

ใช่ครับ ไม่คุ้มเอาเสียเลย

+1 โหวต

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ