คนเราทุกคนย่อมผ่านสิ่งนี้ทั้งสิ้น
กำเนิด เติบโต ร่วงโรย และปลิดปลิว
.
แม้จะรู้วัฏจักรนี้ มีอยู่จริง
แต่ไม่มีใครอยากให้มาถึงเร็วนัก
“พบพานเพื่อจาก” เป็นสัจธรรม ที่ใครก็รู้ดี
แต่ทุกคนก็อยากให้ชลอวันเวลานั้น
ให้มาถึงช้าที่สุดเท่าที่จะภาวนาได้
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566
เวลาสี่ทุ่มสิบนาที
เพื่อนสนิทราวกับญาติโทรมาหา
จากการสอบถามพูดคุย
เขาสับสน คิดว่าเราโทร.ไปหา
เขาจึงโทร.หาเรา เพื่อสอบถามที่มาของการโทร.
การสนทนาต่อมา …
ทำให้รู้ว่าขณะนั้นเขากำลังป่วย
และอาเจียน ไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว
และอยู่ระหว่างพักฟื้นที่บ้าน
เราก็อวยชัยให้พรให้หายไวไว
แต่อดสะกิดใจไม่ได้
ว่า เขาเหมือนสับสน หูแว่ว
บอกว่าเราโทร.หา
เขาได้ยินเสียงเราดังออกมาจากพัดลม
แต่จับใจความไม่ได้
จึงต้องโทร.มาสอบถามว่าเราพูดอะไร
คืนนั้นเราเลยสวดมนต์ แล้วแผ่บุญให้เขา
หายป่วย ปลอดภัย และแข็งแรงโดยเร็ว
.
รุ่งเช้าเราโทร.กลับไปอีกครั้ง
เพราะเขาอยู่บ้านตามลำพัง และคนละจังหวัดกับเรา
แต่ติดต่อไม่ได้ เลยโทร.หาญาติอีกคน
ที่บ้านเขาห่างกันแค่ 5-6 กิโลเมตร และทำงานที่เดียวกัน
เขาก็แค่รับรู้ แต่ไม่ได้ไปดูอาการ
เพียงบอกว่ามีเรื่องเคืองใจกันอยู่
พรุ่งนี้ค่อยไปดู ถ้ามีอะไรหนักเขาคงโทร.มาแล้ว
.
จนกระทั่งวันที่ 24 พฤษภาคม 2566
เวลา 23:22 นาฬกา ญาติที่เราโทร.หา
มาแจ้งข้อความว่า…เขาเสียชีวิตแล้ว…
.
… เราได้แต่ภาวนาให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี…
.
.
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก
เหมือนฝัน และอยากให้เป็นความฝัน
แต่สิ่งที่เป็นความจริง คือ..
เราต้องไปงานศพ และอโหสิกรรมให้เขา
เพราะเราอาจทำอะไรที่กระทบใจ กระทบหู
โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ดี
.
ชิวิตคนเราสั้นนัก
หากท่านมีฝัน มีหวัง มีเป้าหมายใด
ขอให้ท่านดำเนินการเถิด
“ถ้ารอให้ถึงพรุ่งนี้ อาจสายเสียแล้ว”
.
.
.
หากบทสนทนานี้ มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
หรือกระทบความรู้สึกเชิงลบแก่ผู้อ่าน
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
ความตั้งใจเพียงแค่
อยากบอกกล่าวเพื่อเป็นอุทธาหรณ์
ความโกรธเคือง ทิฐิมานะ ความคิดผัดวันประกันพรุ่ง
หรือเพียงให้ ..รอไปก่อน.. และคำว่า “เดี๋ยว”
อาจทำให้บางอย่างเสียหาย
และเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
โดยไม่อาจย้อนเวลากลับมาแก้ไขได้อีกแล้ว