คำถาม
ถามคำถาม

ผู้ชาย และ ผู้หญิง ลองเข้าไปอ่านดูครับ ผมเห็นว่ามันน่าสนใจ ใน http://pantip.com/topic/32750459

นี่คือข้อความเด็ด ที่ผมเลือก อ่านแล้วบอกผมด้วยว่า คุณเห็นด้วยไหม?

สาเหตุที่มันเป็นแบบนี้ ก็เพราะมีผู้ชายแบบ จขกท นี่แหละ

ผู้ชายที่ยังคิดเอาตัวเองเป็นใหญ่ อะไรๆก็โทษผู้หญิง

คิดแต่ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเอา ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย

มาตีคุณค่าตีราคาให้ผู้หญิง

ผู้หญิงคนไหนหัวอ่อนหน่อยก็จะหลงเชื่อแล้วมองตัวเองอยุ่ในสถานะต่ำต้อยกว่าผู้ชาย คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเสียเปรียบ

และเมื่อผู้ชายมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้ มันถึงได้เกิดค่านิยมล่าแต้ม หลอกฟัน เพื่อเอาไปโอ้อวดกับเพื่อนฝูง

ทั้งๆที่ความจริงแล้วถ้าผู้ชายไม่คิดแบบนี้

ถ้าผู้ชายยอมรับว่าสองเพศเท่าเทียมกัน ไม่เอาแต่โทษผู้หญิง

ไม่คิดว่าเป็นการได้หรือเสีย

ไม่มาตีราคาตีคุณค่าให้ผู้หญิง

ก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนรู้สึกเสียเปรียบหรือนั่งดูถูกตัวเอง จะไม่มีคำว่าเสียตัวหรือไร้คุณค่า

แล้วก็จะไม่มีค่านิยมหลอกฟัน ล่าแต้มด้วย เพราะทำไปก็ไร้ประโยชน์ เอาไปโอ้อวดใครไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้ความสำคัญ ไปนอนกับผู้หญิงมาก็ไม่ได้มีใครมองว่าคุณเก่งหรือยิ่งใหญ่

4 คำตอบ · +2 โหวต · 0 รายการโปรด · 181 อ่านแล้ว

ปากคนเรา ความคิดของคนเรา มันห้ามไม่ได้ ต่อให้โลกนี้ถึงคราวอวสานก็ตาม

สำหรับเรื่องการประนาม ดูถูกให้อีกฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม รวมแม้กระทั่งเรื่องทางเพศ

และที่แน่นอน สำหรับเรื่องเพศ มันกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ตกในสังคมไทยไปนานแล้ว ถึงถกเถียงไป มันก็ไม่มีวันจบสิ้น

ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ ที่คุณนำเสนอมา หรือมาจากกระทู้อื่นๆ ถึงฟังว่ามีเหตุผลในตัวก็จริง....

แต่.......ทั้งนี้ทั้งนั้น ความจริงของปัญหา ที่เป็นต้นตอ คืิอ ถือว่า '' ตบมือข้างเดียว '' ไม่ดังหรอกครับ

ถึงโทษกันไปโทษกันมา ว่าอีกฝ่ายได้เปรียบ เสียเปรียบ หรือหัวอ่อน ตามคุณว่ามา มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

ทำไมน่ะเหรอ..????....

เพราะ ยิ่งสมัยนี้ จะเห็นได้ชัด คือ

ผู้หญิงเริ่มทำตัวง่ายขึ้นจริงๆ freesex มีมากมาย

ส่วนผู้ชายก็ง่ายเช่นกัน เอาไปทั่ว freesex เช่นกัน กลับมองเป็นเรื่องปกติ

ซึ่งผู้ชายหลายคนอาจทำตัวแบบนั้นจริง แต่ถ้าผู้หญิงรู้จักทันคน ป้องกัน รู้จักปฏิเสธซะอย่าง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร.???

เพราะผู้หญิงคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเรื่องนี้

ผู้ชายอย่างที่ว่า ก็เลยเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

มันทำให้เห็นว่า ตบมือข้างเดียว ไม่ดังจริงๆ.......นั่นล่ะ คือความจริงของปัญหา.....

ซึ่งมันก็เท่ากับว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ควรรู้จักมองทบทวนดูที่ '' ตนเอง '' เสียบ้าง......

ประเทศไทยของเรา ตอนนี้ มันกลายเป็นประเทศที่กำลังเข้าสู่ด้อยพัฒนาไปแล้ว ถอยหลังลงคลองก็ว่าได้

ขนาดเรื่องเพศ มีการห้าม หรือมีการสอนให้ป้องกัน แต่การสอนกับการรับรู้ยังไม่มีความสัมพันธ์กันเลย

แถมส่วนมากคิดไปอีกทาง มองไปทางมุมอื่นเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งนับวัน มันยิ่งจะมีแต่ความแย่มากขึ้นเป็นทวีคูณ

ถ้าหากประเทศไทย เปิดประเทศให้เป็นฟรีเซ็กส์ อิสระเต็มตัว นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

ขอฟันธงไว้เลยว่า ก็มีแต่พังกับพัง แน่นอน 100%% ครับ.......

+2 โหวต · 5 ตอบกลับ

ครับ ถึงได้บอกไงว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง จริงๆ

ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็ควรจะมีสติ และหักห้ามใจตนเองได้

เพราะในยุคนี้ ปัจจุบันนี้ จากที่พบเห็นมา หญิงและชายก็ไม่แพ้กันครับ สำหรับเรื่องนี้

ถึงโทษกันไปมา มันก็ไม่มีค่าอะไรไปเสียแล้ว ถึงได้ว่า ควรดูตนเองบ้าง ถึงจะดีที่สุด

และก็อย่างทีผมบอกคุณไปแต่แรกนั่นล่ะ บอกคุณไปแล้ว ว่าไม่ควรสร้างค่านิยมแบบฟรีเซ็กซ์ ในประเทศไทย

เพราะเพิ่มจำนวนผู้ติดเอดส์ขึ้นมาจริงๆ และทุกอย่างในประเทศก็จะพัง

ครับ เป็นเรื่องปกติของคนรักกัน เพราะมันคือ ส่วนหนึ่งของความรัก และเพื่อให้มีทายาทสืบตระกูล มันคือธรรมชาติ

แต่ไม่ว่าทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ควรจะดูด้วยว่า มันถึงเวลาอันสมควรแล้วหรือยัง อันไหนสมควรทำหรือไม่

ไม่ใช่จะดูแค่ว่า บรรลุนิติภาวะ ดูคนที่่จิตใจมากกว่าร่างกาย หรือ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ดูดี ฟังขึ้น

เพื่อซึ่งให้ได้มากับความพึงพอใจ หรือความต้องการของคนเรา

คนเราสมัยนี้ มักจะให้ความสำคัญกับทางเพศมากจนเกินไป จนเกินความถูกต้องและศิลธรรมไปมากจนเกินเยียวยาแล้ว

+1 โหวต

ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าถ้าหากจะมีแฟน แล้วผู้หญิงบอกว่าเคยมีอะไรกับแฟนเก่า แล้วผมจะยอมรับได้ไหม

แต่ถ้าเขาเป็นคนดีแล้วไม่เคยนอกใจผม ผมอาจจะยอมรับได้ก็ได้

เรื่องเซ็กซ์ถ้าเป็นสมัยก่อน ถ้ารักกันจนแต่งงานแล้ว ถึงจะมีได้ แต่เพื่อการสืบทายาท

สมัยนี้ที่คู่รักมีเซ็กซ์ง่ายกว่าและบ่อยกว่าก่อนแต่งงาน น่าจะเป็นเพราะมีอุปกรณ์ในการคุมกำเนิดได้ผล

ผมจึงมาคิดว่าสมัยนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติหรือเปล่า ของคู่รักกัน

ความต้องการของพวกเขา มันเกิดขึ้นจากความรักหรือความอยาก หรือทั้ง 2 อย่าง

แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าการมีเซ็กซ์สำหรับคนรักกัน มันเป็นเรื่องที่ผิดหรือเปล่าสำหรับมนุษย์

มันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม แต่ผมไม่แน่ใจสำหรับมนุษย์ธรรมดา

"แต่ผมไม่ได้หมายถึงคนมั่วนะ แต่หมายถึงคู่รักที่เป็นคนรักกัน"

แต่สมมุติว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น แต่เขาก็เป็นคนดีหรือทำประโยชน์ให้กับสังคม

มันจะชดเชยสิ่งที่เขาทำได้ไหม

และมันจะผิดไหมถ้าพวกเขาเลือกที่จะเป็นคนธรรมดาที่ไม่ชอบปฏิบัติธรรม แต่ว่าทำสิ่งอื่นที่มันเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้

เช่น การทำงานสุจริต

+1 โหวต

ผมเองก็เหมือนคุณนะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าถ้าหากจะมีแฟน แล้วผู้หญิงบอกว่าเคยมีอะไรกับแฟนเก่า แล้วผมจะยอมรับได้ไหม

เพราะมันทำให้ผมเห็นว่า สมัยนี้ ผู้หญิงที่พร้อมทั้งกายและใจ หรือสาว virgin ตามที่ผู้ชายอยากได้มาเป็นแม่ของลูก

ถือว่า หายากเต็มทนจริงๆ คงต้องตามใจตนเองดีดีเหมือนกัน เพราะความคิดและความรู้สึกของแต่ละคน มันไม่เหมือนกัน

และสำหรับความคิดส่วนตัวของผมนะ sex เป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน เพื่อการสืบทายาท

แต่มันจะปกติตรงที่ว่า มันถึงเวลาอันสมควรจริงๆของชีวิตแล้วหรือยัง

ไม่ใช่จะเห็นแค่ว่า ทำงานแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว แล้วจะเอามาอ้าง เพื่อความต้องการตนเอง

หากเป็นแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ ก็คงง่าย และมีอะไรกันได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามที่ตนเองต้องการ

คำว่า อันสมควรของชีวิตจริงๆ ก็คือ ทำพิธีตามประเพณีที่ถูกต้อง จดทะเบียนตามกฏหมาย และให้ญาติทั้ง 2 ฝ่ายได้รับรู้

ส่วนที่ว่า แต่สมมุติว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น แต่เขาก็เป็นคนดีหรือทำประโยชน์ให้กับสังคม

มันจะชดเชยสิ่งที่เขาทำได้ไหม..???

+0 โหวต

ต่อ

สำหรับผมและหลายๆเคยให้ความเห็น คือ มันคนละเรื่องเลยล่ะ เพราะไม่ว่าใครๆ ก็ทำประโยชน์ให้สังคมได้ทั้งนั้น

แต่ถ้าหากพลาดพลั้งไป จากเรื่องเสียตัวก่อนวัยอันควร หรือเวลาอันสมควร

เชื่อเลยว่า มันจะกลายเป็นตราบาปในจิตใจ และกายของแต่ละบุคคล และมันจะเป็นความเจ็บปวด แบบไม่มีวันลืม

แต่นอกเสียจาก พยายามลืมมัน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ รักษากายและใจ ให้ดีกว่าเดิม นั่นล่ะ คือการชดเลยเยียวยาตนเองแล้ว

ส่วนเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น มันเป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่พึงกระทำ และอยู่ที่ความตั้งใจ ความศรัทธาของแต่ละบุคคล

ว่าอยากได้บุญ อยากสะสมบุญบารมีมากน้อยแค่ไหน อยากไปเกิดในภพภูมิที่ดีมั้ย ตามความเชื่อของพุทธศาสนา

หากไม่เลือกปฏิบัติธรรม ก็ไม่ถือว่ามีความผิดหรอกครับ ขอแค่ว่า อย่าไปสร้างบาป สร้างกรรม ให้กับชีวิตตนเองก็พอ

เพราะตามความเชื่อของพุทธศาสนา ถือว่า มนุษย์ทุกคนที่เกิด ล้วนแต่มีกรรม เป็นของๆตน ทั้งสิ้น......

+0 โหวต

แต่ผู้หญิงก้อยินยอม นอนเองไม่ใช่หรอ

+1 โหวต · 3 ตอบกลับ

ก็ใช่ แต่ปัญหาคือผู้ชายตีค่าผู้หญิง ว่าเสียหาย

ทั้งที่ผู้ชายส่วนมาก ก็เป็นแบบนั้น

มันจึงเกิดความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างเพศ

+0 โหวต

หรอ อ่านเเล้ว งง

อันนี้อยุ่ใน คห. ที่เท่าไร ที่พี่ว่ามา

+0 โหวต

คห. ที่ผมคัดเลือกมา ลองหาดู

แต่ให้ลองอ่านกระทู้ของ จขกท.

แล้วลองมาเปรียบเทียบดู

ว่า คห. ที่ผมเลือกมา หรือ จขกท. ที่ถูกต้อง

+0 โหวต

เหมือนเธอคนนั้น มีหัวคิดไปในทางฟรีเซ็กส์

ที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์ คือ การมีกิจกรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น

ไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย มีแต่คำว่า ได้กัน

ก็แล้วแต่ความคิดนะ .. แต่เรามองว่า เมืองไทย มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ดีอยู่แล้ว

อยากให้เป็นเช่นนี้ตลอดไปมากกว่า

+1 โหวต · 9 ตอบกลับ

ใช่ เห็นด้วย

การกล่อมเกลาเด็กนักเรียน ให้เติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ

รู้จักแยกแยะ การใช้ชีวิตแต่ละห้วงเวลา และจัดการแต่ละเวลาอย่างเหมาะสม

เพื่อนเรามีหลานอยู่ประเทศนอร์เวย์ พอเขาอายุ ๑๘ ปี ซึ่งประเทศเขายอมรับว่าเป็นผู้ใหญ่พอควร

สามารถแยกไปอยู่ตามลำพังได้แล้ว และถ้าอยากจะมีแฟน หรือจะอยู่กับแฟนก็ได้

เนื่องจากเขาปลูกฝังเรื่องความรับผิดชอบ ด้วยการวางระบบว่า ...

หากต้องการอิสระในการดำเนินชีวิตต้องทำงาน เลี้ยงดูตัวเอง

ทั้งผู้ปกครอง ทั้งรัฐจะไม่ช่วยเหลืออีก

แต่หากอายุยังไม่ถึง ๑๘ ปี จะทำอะไรได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของผุ้ปกครอง

และหากเด็กนั้นกระทำการใดที่ไม่สมควร รัฐจะเอาผิดกับผู้ปกครองด้วย

ส่วนคนที่บรรลุนิติภาวะ ดูแลตัวเองได้ เราก็เห็นด้วยกับนายนะ

ว่าเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง เหมาะสม

ไม่ทำให้ตัวเอง ผุ้อื่น สังคมเสียหาย เดือดร้อน และมีความรับผิดชอบที่ดี

จะให้มีแฟน อยู่กับแฟน หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น

เราเห็นด้วยอีกครั้ง ที่บอกว่าควรอยู่กับชายใด(รวมทั้งหญิงใด) แฟน หรือคนรัก

เพราะว่ารัก และต้องการอยู่ร่วมกันจริงๆ ไม่ใช่อย

+1 โหวต

(ต่อ)

เราเห็นด้วยอีกครั้ง ที่บอกว่าควรอยู่กับชายใด(รวมทั้งหญิงใด) แฟน หรือคนรัก

เพราะว่ารัก และต้องการอยู่ร่วมกันจริงๆ ไม่ใช่อยู่แบบคู่ขา หรือ ฟรีเซ็กส์

+1 โหวต

ฟรีเซ็กซ์มันก็หนักไปจริงๆ ที่จะสร้างค่านิยมแบบนั้น

เพราะจะกลายเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ติดเอดส์มากกว่า

ดูตัวอย่างได้จากประเทศเสรี ที่ไม่ควบคุมให้มีความเหมาะสม

แต่ก็ขึ้นอยู่ด้วยว่า คนในประเทศ มีความรับผิดชอบต่อตนเองแค่ไหน

อย่างในประเทศญี่ปุ่น ถึงจะเปิดเสรีเรื่องเพศ แต่กลับมีคนติดเอดส์น้อยมาก

เพราะโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขามีความรับผิดชอบตัวเองสูง

+1 โหวต

ใช่จ้ะ

ประเทศที่จะประกาศให้เป็นฟรีเซ็กส์

ผู้นำประเทศเองก็ต้องทำให้คนในประเทศรู้จักรับผิดชอบให้ได้มากด้วยเช่นกัน

ประเทศเรายังห่างไกล ด้านความรับผิดชอบต่อตัวเอง ผู้อื่น

ยังมีความเห็นแก่ตัว เอาเปรียบผู้อื่น และกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัว

มากเกินกว่าจะให้อิสระในการเปิดประเทศเป็นฟรีเซ็กส์ได้

แต่บางคนก็อ้างว่าสิ่งไหนยิ่งปิด ก็ยิ่งอยากรู้ อยากเปิดออกดู

แต่เราว่า เรื่องนี้ก็ถูกนะ เป็นธรรมชาติของคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกคนด้วย

แต่ถ้าเปิดแบบไร้กฎเกณฑ์ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ขอบเขตอยู่ตรงไหน

และผู้คนในประเทศมีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ ซึ่งญี่ปุ่นเขาทำได้สำเร็จแล้ว

เขาจึงไม่มีปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แต่ประเทศเรา ... ขนาดห้าม ขนาดสอนให้ป้องกัน แต่การสอนกับการรับรู้ยังไม่สัมพันธ์กัน

จึงทำให้มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มากมวยอย่างที่เห็น

หากเปิดประเทศให้เป็นฟรีเซ็กส์ตอนนี้ ก็มีแต่พังกับพังเท่านั้นจ้ะ

+1 โหวต

อยากบอกว่า สิ่งที่ผมจะสื่อให้เห็นในข้อความนี้

คือความไม่ยุติธรรมกัน ระหว่างชายกับหญิง

{ผู้ชายทำผิดไม่ถูกดูหมิ่น แต่ผู้หญิงทำผิดกลับถูกลดค่า} (หมายถึงคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว)

ผมจึงมองเห็นว่า ชายและหญิง จึงมีความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างเพศอยู่

ซึ่งเป็นปัญหาของการปิดกั้นความคิด ทางวัฒนธรรม

ผมจึงอยากให้พวกคุณรู้ว่า "ความเป็นจริง" น่าจะสำคัญกว่าการยึดมั่นถือมั่น

+0 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

ดูคำถามที่เกี่ยวกับ สังคมศาสตร์
ถามคำถาม