ในคำตอบ

ดีแล้วคะ่ ที่ใสใจลูก แต่ว่าเด้กพึ่งอยู่ ป. 6 เอง ให้เขาค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ก็ดีนะคะ บางทีพอขึ้น ม. ปลายความคิดเด็ก

อาจจะเปลี่ยน... หรือไม่ก็ลองให้เด็กไปสอบเข้า รร. ที่มีการเรียนการสอนที่ค่อนข้างเข้มดูนะคะ อย่าตั้งความหวังมากหรือ

อย่าพูดกรอกหูเด็กจนเกินไป เพราะถ้าผิดเหวัง ตัวเด็กนั่นหล่ะที่เสียใจที่สุดแล้วจะรับอารมณ์นั้นไม่ได้

ขอเล่าอะไรให้ฟังนิดหนึ่งรู้จักพี่ครอบครัวหนึ่ง สามีเป็นครูสอนวิทย์ ภรรยาเป็นครูสอนภาษาไทย เขาก็วางอนาคตลูกไว้แบบคุณนี่หล่ะ คือ เรียนพิเศษแล้วพ่อแม่ก็มาสอนเสริมอีก แล้วเด็กไปสอบเข้า รร. จุฬาภรณ์ได้ จบ ม. ปลาย เขาก็ไปสอบไม่รู้เรียกว่าอะไรของ อ๊อกฟอร์ด ในประเทศไทยสอบติดอยู่ 5 คน (สาขาฟิสิกส์หรือไรนี่หล่ะค่ะถ้าจำไม่ผิด) ลูกเขาเป็นคนที่ 5 เขาได้ไปเรียนอ๊อกฟอร์ด ใครจะคิดว่าลูกคนต่างจังหวัดที่ไม่ใช่ลูกคนมีตังค์ หรือเศรษฐี ร่ำรวยอะไรแต่เด็กคนนี้ได้ไปเรียนต่างประเทศ ตอนนี้กำลังต่อโทอยู่ ........... ที่พูดมาทั้งหมดนี้แค่จะบอกว่า การที่พอแม่เอาใจใส่วางแนวทางให้เด็ก

มันก็ดีนะคะ เด็กจะได้เตรียมตัวและรู้จักตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กและสิ่งแวดล้อมที่เด็กคลุกคลีอยู่ด้วย...

เอาใจช่วยให้น้องได้เป็นคุณหมออย่างที่ตั้งใจคะ

+2 โหวต · 0 ตอบกลับ

คำตอบนี้ยังไม่มีการตอบกลับ

ความคิดเห็นของคุณ

(ไม่บังคับ)

เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ

คำถามที่คุณอาจจะสนใจ